หน้าแรก หน้ารวมบทความ วิธีประเมินการฝึกอบรมคุ้มค่าแบบ ROI (Assessing the ROI of Training)

วิธีประเมินการฝึกอบรมคุ้มค่าแบบ ROI (Assessing the ROI of Training)


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 3527 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

     การจัดฝึกอบรม (Training) ทุกครั้ง ย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นคือต้นทุนที่องค์กรต้องอนุมัติงบประมาณเพื่อจัด  ในการคิดค่าใช้จ่ายผู้จัดฝึกอบรมมักคิดค่าใช้จ่ายทางตรงโดยไม่คำนึงค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่ต้องใช้ในทุกกิจกรรมตลอดเวลา

     วันนี้ พาท่านมารู้จักกับค่าใช้จ่ายที่ผู้จัดฝึกอบรมควรรู้จักในการจัดอบรมทุกครั้ง

  • ค่าใช้จ่ายคงที่ : เงินเดือนพนักงานฝึกอบรม โบนัส ค่าเช่าสถานที่ เบี้ยประกันภัย
  • ค่าใช้จ่ายผันแปร : จะเปลี่ยนไปตามจำนวนคนเข้าร่วมโครงการ เพิ่มหรือลดตามการเข้าร่วมจริง เช่น ค่าคู่มืออบรม ค่าอาหารว่าง ค่าอาหารกลางวัน ค่าที่พัก
  • ค่าใช้จ่ายโดยตรง : เกิดขึ้นเมื่อมีการจัดอบรมในแต่ละครั้ง เช่น ค่าวิทยากร ค่าเดินทางวิทยากร ค่าคู่มืออบรม ค่าอาหารว่าง ค่าอาหารกลางวัน ค่าอุปกรณ์Workshop
  • ค่าใช้จ่ายทางอ้อม : เป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ไม่ขึ้นกับการทำโครงการหรือการจัดอบรม เช่น ค่าเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์โสตฯ ค่าใช้จ่ายการปรับปรุงห้องประชุม ค่าจ้างพนักงานคุมห้องโสตฯ ค่าโทรศัพท์ ค่าอุปกรณ์เครื่องเขียน

   ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ผู้จัดฝึกอบรมจำเป็นต้องทราบและตระหนักรู้ เนื่องจากทุกครั้งที่ต้องเสนอโครงการต่อผู้บริหารเหล่านี้ล้วนเป็นรายละเอียดสำคัญที่นำมาใช้เสนอแผน สรุปแผนงานหลังจบโครงการฝึกอบรม ส่วนใหญ่ผู้จัดฝึกอบรมจะเสนอผลหลังจัดอบรม ดังนี้

  1. ผู้เข้าอบรมกี่คน ?
  2. ผ่านทดสอบกี่คน ?
  3. งบประมาณในการจัดอบรมเท่าไร ?
  4. ผลการตอบแบบสอบถามหลังอบรมความพึงพอใจกี่ %
  5. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมผู้เข้าอบรมหลังจัดอบรมมีเรื่องใดบ้าง ?

   จากข้อมูลด้านบนเป็น การนำเสนอเชิงประสิทธิภาพ (Efficiency) ประเมินจำนวนคนเข้าอบรม ระยะเวลาจัดอบรม ความพึงพอใจแต่ละส่วนที่จัดไม่ว่าจะเป็น วิทยากร เนื้อหา อาหาร ห้องประชุม สิ่งแวดล้อมรอบด้าน เป็นการสรุปโดยทั่วไปที่ต้องมี

    แต่ในทาง การประเมินผลแบบ ROI (Return On Investment) นั้นต้องมีการสรุปประเมินผลทั้ง ประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) 

  ซึ่งการใช้ประสิทธิภาพสรุป ไม่เพียงพอที่ทำให้การจัดฝึกอบรมแต่ละครั้งคุ้มค่ากับการอนุมัติงบประมาณไปเพราะในการใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ผู้บริหารหวังผลลัพธ์ (Outcome) เชิงประสิทธิผลมากกว่า นั่นคือ 

  • ปลายทางของการจัดฝึกอบรมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อองค์กร
  • ทำอย่างไรให้ผู้เข้าอบรมได้นำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับมาใช้ปฏิบัติงาน
  • งบประมาณที่ใช้จ่ายไปแปลงกลับมาเป็นการพัฒนาเรื่องใดบ้าง?

   ในหลักการของ ROI ในทางการตลาดตอบโจทย์ในเรื่องวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนแต่ละครั้ง ง่ายๆคือการลงทุนทุกๆ 1 บาท ได้กำไรกี่บาท ?

สูตร ROI คือ

กำไร (Profit) = รายได้ (Income) / ต้นทุน (Cost)

     ในการจัดฝึกอบรมมองความคุ้มค่ามากกว่านั้น ROI ในทาง HRDมุมมองการประเมินผลการฝึกอบรมมองแบบ 5M (Man,Money,Method,Material,Maintenance)

  • Man     คือ บุคลากรซึ่งรวมไปถึงวิทยากร ผู้จัด ผู้ประสานงานและผู้เข้าอบรม เช่น จำนวน ,ชั่วโมงการเข้าอบรมแต่ละบุคคล,ความพึงพอใจแต่ละบุคคล เป็นต้น
  • Method คือ วิธีการกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดการจัดอบรมโครงการตั้งแต่แรกเริ่มและเมื่อจบการอบรม เช่น วิธีการสอนบรรยาย วิธีการทดสอบ วิธีการติดตามหลังอบรม วิธีการพัฒนารายบุคคล  เป็นต้น
  • Money คือ งบประมาณที่อนุมัติและใช้จ่ายจริง โดยสรุปผลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งค่าใช้จ่ายทางตรง ค่าใช้จ่ายทางอ้อม ค่าใช้จ่ายคงที่ ค่าใช้จ่ายแปรผัน ที่เกิดขึ้นทั้งนี้ต้องระมัดระวังการนำเสนอข้อมูลที่เกิดขึ้น โดยทำอย่างไรให้ผู้บริหารไม่รู้สึกว่าใส่ตัวเลขเยอะไป นำเสนอมากเกินจำเป็น แต่การใส่ค่าใช้จ่ายนี้ให้นำเสนอแบบเป็นขั้นๆ  5 ขั้น 
  1. ขั้นวิเคราะห์โครงการ  ..มีค่าใช้จ่าย?
  2. ขั้นการออกแบบหลักสูตร/โครงการ  ..มีค่าใช้จ่าย?
  3. ขั้นการพัฒนา ..มีค่าใช้จ่าย?
  4. ขั้นดำเนินการ ..มีค่าใช้จ่าย?
  5. ขั้นประเมินผล ..สรุปแล้วมีค่าใช้จ่าย?
  • Material คือ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จริง เช่น กระดาษFlipchart ดินสอ ปากกา เครื่องเสียง เครื่องฉายโปรเจกเตอร์ โน้ตบุ๊ค  เป็นต้น  การนำเสนอทั้งประสิทธิภาพการใช้และผลตอบรับ
  • Maintenance คือการบำรุงรักษา หมายถึงการใช้ห้องประชุมในองค์กรไม่รวมถึงการใช้สถานที่จัดโรงแรมภายนอก ในแต่ละโครงการอบรมใช้ห้องประชุม เครื่องเสียง  ไมค์วัสดุอุปกรณ์ อาจพบความเสื่อมวัสดุอุปกรณ์ 

     การเสนอเพื่อขออนุมัติจัดซื้อใหม่เพื่อประโยชน์ใดในอนาคต ในเรื่อง Maintenance ไม่จำเป็นที่ต้องนำเสนอทุกครั้งแต่ควรมีสรุปทุกไตรมาสเพื่อผู้จัดอบรมหรือฝ่ายโสตฯมีแผนการดูแล บำรุงรักษาหรือเสนอปรับปรุงอย่างไร ข้อนี้สำคัญ นักจัดฝึกอบรมมักไม่คำนึงถึง เมื่อจัดอบรมครั้งต่อไปหากไม่มีแผนการบำรุงรักษาอาจเกิดปัญหาระหว่างจัดอบรมได้

   ตัวอย่าง กรณีศึกษาสิ่งที่ผู้บริหารต้องการแบบ Outcome จากการส่งไปอบรมแบบระยะยาว (Long-Term Training) : มีการอบรมเป็นปี โดยการจัดอบรมนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจำนวนมากทั้งตำแหน่งงานเดิมว่างลงแต่ยังคงจ่ายเงินเดือน ผู้ดำรงตำแหน่งงานแทนและเงินเดือนตำแหน่งงานใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการฝึกอบรม รวมถึงค่าใช้จ่ายตลอดการอบรมจำนวนมาก

   โรงพยาบาล Green 

    ในปีงบประมาณ 2564  แผนกพัฒนาบุคลากรได้รับมอบหมายจากฝ่ายบริหารโรงพยาบาล ให้สรรหาบุคลากร ทั้ง IPD /OPD/OR ส่งไปอบรมภาคปฏิบัติเรื่องวิสัญญีแพทย์และพยาบาล แบ่งเป็นแพทย์ 2 คน พยาบาล 2 คน ระยะเวลาเรียน 1 ปี เรียนในโรงพยาบาลส่วนกลางในกรุงเทพฯ โดยขณะเรียน ทางโรงพยาบาลออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ทั้งค่าอบรม 1 ปี ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร 2 มื้อ ในระหว่างเรียนอบรมด้านวิสัญญี ทางโรงพยาบาลยังคงจ่ายเงินเดือนปกติตลอด 12 เดือน หลังสอบผ่านการอบรมให้กลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ เงินเดือนใหม่

     เงื่อนไขคือ เมื่อเรียนจบผู้เข้าอบรมในหลักสูตรนี้ ต้องทำงานให้โรงพยาบาลอย่างน้อย 4 ปี ในตำแหน่งวิสัญญีแพทย์และวิสัญญีพยาบาล

     จากกรณีศึกษา(Case Study)

            แผนกพัฒนาบุคลากรต้องทำแผนการประเมินผลคือ…

  1. วางแผนการคัดเลือกสรรหาผู้มีคุณสมบัติ
  2. จัดทำแผนฝึกอบรม 5 ขั้นคือ ขั้นวิเคราะห์,ขั้นการออกแบบ,ขั้นการพัฒนา,ขั้นดำเนินการ,ขั้นประเมินผล
  3. จัดทำรายงานสรุป 5 M แบบ Hard Copy 

     วิธีการประเมินความคุ้มค่าในการจัดฝึกอบรม ควรทำแผนเป็นขั้นตอน โดยรวบรวมนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาปรับแก้ไข ผู้จัดอบรมอย่าลืมว่าการมองการจัดเพียงมุมมองด้านเดียววัดแค่เชิงประสิทธิภาพ เป็นการจัดอบรมที่ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาจริงในอนาคต “เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”

     ผู้จัดอบรมให้คำนึงทุกครั้งในการจัดอบรมและจบการอบรมไปแล้ว ทำอย่างไรให้ผู้เข้าอบรมรู้สึกว่า “เขาเหล่านั้นเป็นน้ำครึ่งแก้ว” พร้อมจะเรียนรู้พัฒนาตลอดเวลา …

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 08 มีนาคม 2566

จำนวนผู้เข้าชม 3527 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD

ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?

Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI

คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)

อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?

อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง

ความคาดหวังผู้รับบริการ 6 แบบ

อันดับแรกที่ผู้รับบริการทุกคนคาดหวังแน่นอนคือความสะดวกสบาย ความรวดเร็วปลอดภัย ความมั่นใจในการได้รับบริการ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้รับบริการคาดหวังนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของลูกค้าผู้รับบริการ

ตัวอย่างตัวชี้วัด KPI ตามตำแหน่ง & ปัญหาระยะ Action Plan

ระบบประเมินผล KPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ(Action Plan)ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ

Human Touch In Healthcare ด้วย Touching & Feeling

Human Touch ถูกพูดถึงในการดูแลรักษาสุขภาพ มุมมองการมีจิตบริการมานาน ควบคู่กับคำว่า Empathy (การเอาใจใส่) ซึ่งหากพูดถึงแง่การลงมือปฏิบัติงาน Human Touch มีแนวทางนำไปใช้ได้อย่างไร ?