หน้าแรก หน้ารวมบทความ ทำไมทำ KPI ไม่สำเร็จ

ทำไมทำ KPI ไม่สำเร็จ


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 613 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

    คำว่าทำ KPI “สำเร็จ” ในที่นี้ใช่ว่ามีตัวชี้วัดผลงานตามกรอบราชการ กรอบองค์กรบริษัทกำหนด ? แท้จริงการจัดทำKPI “สำเร็จ” ไม่ใช่บอกเพียงตัวเลขเป้าหมายหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าเล่มรายงานสรุปผล เชิงปริมาณ (Qualitative) เชิงคุณภาพ (Quality) หรือวัดแบบระดับขั้นความสำเร็จ (Milestone) ตามเป้าหมาย

    ใช่ที่ท่านเคยพบเจอแบบนี้หรือไม่ ?

    ความหมาย“สำเร็จ” ในระบบ PMS ทาง KPI คือ  ?

      1. การได้มาซึ่งตัวดัชนีชี้วัดผลงานหลัก(KPI) มาจากหน้าที่ปฏิบัติงานจริง  

           มิใช่ ปลูกผักชีโรยหน้าแค่ขอให้มีระบบวัดผลตามกรอบองค์การ

     2. ตัวชี้วัดแผนกหรือส่วนงานมาจากผลของการบริหารจัดการหัวหน้า/ผู้บังคับบัญชานั้น

           มิใช่ มาจากการกำหนดโดยหัวหน้านั่งเทียน ลักไก่ย้อนตัวเลขคิดเอง

     3. การตั้งตัวชี้วัดแผนกสอดคล้องกับเป้าหมายหลักองค์กร

          มิใช่ มาจากหน่วยงาน/แผนกนั้นทำงานที่ควรจะเป็น

     4. ผู้ประเมินและผู้ถูกประเมินมีความเข้าใจระบบประเมินผลตรงกัน

         มิใช่ หัวหน้าคิดเข้าใจอีกทาง ลูกน้องเข้าใจอีกทาง สุดท้ายเกิดคลื่นใต้น้ำอย่างเงียบๆรอวันปะทุ

     5. เกิดการ Feedbackผลประเมินอย่างสร้างสรรค์

         มิใช่ เกิดความขุ่นเคือง ไม่สบายใจเนื่องจากผลประเมินต่ำหรือสูงเกินความเป็นจริง

    6. ผู้บังคับบัญชาสูงสุดในหน่วยงานมีความเข้าใจหลักการวัดผลอย่างถ่องแท้

         มิใช่ ผู้บังคับบัญชาขาดความเข้าใจ มองตัวชี้วัดเป็นภาระงาน เลือกเก็บเฉพาะตัวชี้วัดง่ายๆ

    7. เป้าหมายตัวชี้วัดต้องท้าทาย เลื่อนขั้นเป็นลำดับแต่ละปี 

         มิใช่ ตั้งเป้าหมายในช่องค่าคะแนนที่ตนเองทำได้ ถือเป็นค่าคะแนนสูงสุด 5 คะแนน ในการการตั้งค่าเป้าหมายที่ถูกต้องค่าคะแนนที่ทำได้อยู่ช่องคะแนน 3 , ช่องคะแนน 4 คือทำได้ดีเกินค่าปัจจุบัน ,ช่องคะแนน  5 คือ ทำได้ดีเกินคาดหมาย 

    การจัดทำดัชนีชี้วัดผลงาน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินส่วนราชการ การประเมินภาคธุรกิจบริษัทเอกชน มีแนวทางการประเมินและกรอบการวัดโดยหลักการไม่แตกต่างกันมาก  แม้มิติการวัดระบบเอกชนอาจเน้นด้านปัจจัยสร้างผลกำไรเป็นสำคัญ และมิติการวัดหรือกรอบการวัด จัดกลุ่มการวัดผลไปในทิศทางใดมากกว่ากันตามรูปแบบธุรกิจ

     ตัวอย่างการประเมินผู้บริหารองค์การหรือประเมินส่วนงานในส่วนราชการ

  • เน้นการประเมินอิงข้อมูลตามรายละเอียด เกณฑ์ กรอบการวัดตามระเบียบ ก.พ.  เช่น กรอบการวัดผลงาน  4 มิติ
  1. วัดมิติด้านประสิทธิผล (Effectiveness)
  2. วัดมิติด้านประสิทธิภาพ (Efficiency)
  3. วัดมิติด้านคุณภาพการให้บริการ (Quality of Service)
  4. วัดมิติด้านพัฒนาองค์การ (Organization Development)
  • เลือกเก็บตัวชี้วัดผลงาน 5- 10 ตัวชี้วัด ต่อหน่วยงาน/องค์กร 
  • หน่วยงานที่มีตัวชี้วัดด้านภารกิจพิเศษ/ด้านได้รับมอบหมายโครงการพิเศษ

สามารถนำมาเก็บเป็นตัวชี้วัดได้ แม้ไม่อยู่ในภารกิจหลักแต่คือภารกิจพิเศษที่ต้องทำ

  • หากภายใต้สังกัดในหน่วยงาน มีกองงาน ส่วนงานย่อยลงมาอีก ให้จัดทำตัวชี้วัดร่วมภายในหน่วยงานเรียก “Common Performance Indicators : CPI” หรือเรียก “Joint KPIs” ซึ่งทั้ง 2 ประโยคนั้นหมายถึงตัวชี้วัดร่วมเช่นเดียวกัน
  • คิดคะแนนรวมเป็น 100 คะแนน หรือ 100 % ไม่นิยมคิดเป็นคะแนนหลักพันและนำมาหารเนื่องจากเกิดความยุ่งยากในการนำมาเทียบบัญญัติไตรยางค์ทำคะแนนอีกครั้ง

          ตัวอย่างการประเมินผู้บริหารองค์กร ผู้จัดการหรือหัวหน้างาน

  • ประเมินอิงตามหลัก Balanced Scorecard (BSC) คือ 
  1. The Financial Perspective : มุมมองด้านการเงิน ลูกหนี้ กระแสเงินสด การบริหารการเงิน-งบประมาณ
  2. The Customer Perspective : มุมมองด้านสิ่งที่กระทบต่อลูกค้าภายใน-ภายนอกองค์กร โดยตรงทั้ง การร้องเรียน การบริการก่อน-หลังการซื้อขาย ความพึงพอใจ การแก้ปัญหาในการบริการ
  3. The Business /Internal Process Perspective : มุมมองด้านกระบวนการทำงานตามJob Description มุมมองการทำงานตามประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลของงาน
  4. The Learning and Growth Perspective  : มุมมองด้านการเรียนรู้และการพัฒนาเติบโต ทั้งการบริหารจัดการ การคุมทีมงาน การพัฒนาทีมงานทั้งการฝึกอบรมด้านองค์ความรู้ (Knowledge),ทักษะ (Skills),ทัศนคติ (Attitude ) 
  • เลือกเก็บตัวชี้วัดผลงาน 5- 15 ตัวชี้วัด ต่อหน่วยงาน/ผู้บริหาร 
  • หน่วยงานที่มีตัวชี้วัดด้านภารกิจพิเศษ/ด้านได้รับมอบหมายโครงการพิเศษ

     สามารถนำมาเก็บเป็นตัวชี้วัดได้ แม้ไม่อยู่ในภารกิจหลักแต่คือภารกิจพิเศษที่ต้องทำ

  • หากภายใต้สังกัดในฝ่าย/แผนกงาน มีส่วนงานย่อยลงมาอีก ให้จัดทำตัวชี้วัดร่วมภายในฝ่ายงาน/แผนกเรียก “Common Performance Indicators : CPI”
  • คิดคะแนนรวมเป็น 100 คะแนน หรือ 100 % ไม่นิยมคิดเป็นคะแนนหลักพันและนำมาหารเนื่องจากเกิดความยุ่งยากในการนำมาเทียบบัญญัติไตรยางค์ทำคะแนนอีกครั้ง
  • การวัดผลในระดับผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้างาน ถือเป็นการวัดผลการบริหารจัดการงานภายในทีมงานของตนเอง ดังนั้น อิงข้อมูลการวัดผลร่วมกันคือค่าคะแนนลูกน้องรวมมีผลต่อค่าคะแนนของหัวหน้า (ข้อนี้ จึงมีผลเชิงบวกและเชิงลบ นั่นคือ ถ้า KPIที่จัดทำค่าเป้าหมายไม่ได้มาจากหน้าที่งานจริงเป็นตัวเลขอ้างอิงขึ้นเอง ไม่เป็นไปตาม Action Plan ส่งผลต่อความสูญเปล่าในการวัดความสำเร็จโดยสิ้นเชิง ทำให้เสียเวลาในการวัดไม่ได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง?)

     จากเนื้อหาที่ได้กล่าวมาข้างต้น ความสำเร็จในการจัดทำ KPI เริ่มแรกนั้นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมี KPI ใช้ในองค์กร แต่สิ่งที่ทำให้ KPIสำเร็จเริ่มแรกคือต้องสร้างกระบวนการให้ความเข้าใจ โดยการอบรม Workshop ในกลุ่มระดับ Top  to Down ให้ทุกระดับเข้าใจตัวชี้วัดตรงกัน เห็นความสำคัญมากกว่าภาระงานส่วนเกิน จึงค่อยๆจัดทำขั้นตอนอื่นๆต่อไป

ลำดับ KPI แบบ Top To Down

     หากจัดทำระบบประเมินผลงานจริงจัง ผู้บริหารสูงสุดในทุกฝ่ายงานมีความร่วมมือร่วมใจ จะพบว่าการมีตัวชี้วัดผลงานทำให้ประมวลหาผลงานทุกตำแหน่งงานง่ายขึ้น ทราบศักยภาพขีดความสามารถแต่ละหน่วยงาน แต่ละบุคคล รวมถึงเป็นการสร้างแรงจูงใจ(Motivate)ในการทำงาน เกิดความร่วมมือร่วมใจในทีมงานมากกว่าคือภาระงานการเก็บสถิติของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

     หลายครั้งที่ผู้เขียนพบว่า บางองค์กรนำการวัดผลงานมาใช้เพื่อตอบโจทย์การประเมินผลคัดคน สร้างระบบให้องค์การมีมาตรฐาน มากกว่าการมีระบบวัดผลงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้คือ KPI ทำให้งานยุ่งมาก มีขั้นตอนวุ่นวาย เสียเวลางานหลัก ประชุมอบรมบ่อย ส่งลูกน้องไปอบรมตัวชี้วัดตามคำร้องขอของฝ่ายฝึกอบรม ทำๆไปตามหน้าที่เพราะถึงอย่างไรเมื่อประเมินผลก็ได้คะแนนตามเกณฑ์อยู่แล้ว เรื่องนี้ฟังแล้วเสียดายงบประมาณและเป็นกับดักการเรียนรู้เติบโตยิ่งนัก

     หากหัวหน้างานมองไม่เห็นการทำระบบประเมินผลเป็นเครื่องมือพัฒนาบุคลากร เท่ากับองค์กรยังไปไม่ถึงคำว่าทำ KPI สำเร็จ !!

     มองภาพรวมตั้งแต่ปี 2545 การทำระบบบริหารผลการปฏิบัติงาน PMS ในไทยและทั่วโลกแล้ว KPI กำลังจะถูกเปลี่ยนภาพไปเป็นแนวคิดการบริหารผลงานอย่างต่อเนื่องแบบ Objectives and Key Results (OKRs) ในอีกไม่ช้านี้

     ยิ่งบริบทแนวคิด OKRs เป็นการกำหนดโดยเน้นการบริหารทำงานตามไตรมาส วัดผลลัพธ์จากงานจริงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักองค์กร วัดเร็วตอบโจทย์เร็ว กำหนดจากล่างขึ้นบน (Down to Top) เรียกว่าลูกน้องคิดเอง ทำเองส่งผลการทำงานให้หัวหน้าช่วยโค้ช เราจะไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่?

    ส่วนราชการและเอกชนหลายแห่ง จะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางใด  เมื่อใช้ OKRs บริหารผลงานจริงทั้งหมด  !!

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 08 มีนาคม 2566

จำนวนผู้เข้าชม 613 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD

ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?

Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI

คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)

อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?

อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง

ตัวอย่างตัวชี้วัด KPI ตามตำแหน่ง & ปัญหาระยะ Action Plan

ระบบประเมินผล KPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ(Action Plan)ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ

ประโยชน์การสื่อสารแบบ AIDET

ในช่วงที่ผู้เขียนได้ฝึกงานและทำวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้สังเกต รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมการดูแลผู้รับบริการของบุคลากรทางการแพทย์หลายกลุ่ม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงาน

แนวทางสร้าง Training Needs ก่อนทำ TRM

แบบสอบถาม Training Needs เพื่อสอบถามพนักงานในองค์กร ผลของคำตอบในแบบสอบถามนั้น นำมาเพื่อใช้ประเมินหาหลักสูตรที่จำเป็น (Training Needs) ในการอบรมต่อตำแหน่งงานไม่ใช่หลักสูตรที่ต้องการฝึกอบรม