ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 07 มกราคม 2567 จำนวนผู้เข้าชม 1502 คน
07 มกราคม 2567การบริการเชิงรุกไม่ใช่การกระตือรือร้นการบริการหรือเสนอการบริการให้ลูกค้าก่อน แต่เป็นรูปแบบการวางระบบบริการไว้ล่วงหน้าด้วยเทคนิค “สร้าง Brand loyalty & Brand Personal” ทุกขั้นตอนตั้งแต่แรกรับกระทั่งถึงการส่งมอบขั้นตอนสุดท้าย โดยไม่รอลูกค้ามาร้องขอหรือแจ้งร้องเรียนอันเนื่องจากพฤติกรรมการทำงานของผู้ให้บริการการสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพหรือการไม่ได้รับความสะดวกสบาย
โดยส่วนใหญ่ผู้ให้บริการมักไม่คำนึงถึงการบริการแบบเชิงรุก แต่ทำงานตามหน้าที่ที่ต้องดูแลให้บริการในแต่ละวันให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย การบริการเชิงรุกจึงเป็นกลยุทธ์การวางระบบงานที่สำคัญอันดับแรกในการบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร โดยใส่ รายละเอียดกรอบการทำงานด้วยระบบ (Process) ที่ได้จากเส้นทางการทำงาน ประสบการณ์เรียนรู้จากลูกค้า จากPain Point ประจำวันที่ลูกค้าได้รับ ใส่รายละเอียดนั้นลงไปในบุคคล(Personal)ผู้ทำงานหรือผู้ให้บริการ
พูดง่ายๆ คือ ทำแผนที่เส้นทางRoadMapประสบการณ์การบริการเมื่อลูกค้ามาถึงกระทั่งขั้นตอนสุดท้ายกลับบ้าน ยกตัวอย่างกรณีศึกษา 2 ธุรกิจของลูกค้าในงานที่ปรึกษา คือ
1. ธุรกิจห้างสรรพสินค้าShopping Mall
ภาพรวมสิ่งที่ต้องคิดถึงในการจัดทำวางระบบบริการเชิงรุก (Proactive Service) คือ ความสะดวกการเดินทาง ลานจอดรถ ความปลอดภัยห้าง ระยะทางมาถึงห้าง ทางลัดอื่นๆ ระดับกลุ่มลูกค้าแต่ละวัย แต่ละอาชีพ ช่วงเวลา เมื่อลูกค้ามาถึงจุดเด่นสำคัญที่สร้างความประทับใจแรก การต้อนรับพนักงาน การตกแต่งภายนอก ภายในห้าง ร้านค้าขายสินค้าได้น่าสนใจตรงกลุ่มเป้าหมาย การจัดงาน Event โปรโมชั่นน่าสนใจ
จากที่กล่าวมานั้น ทุกจุดที่ให้บริการลูกค้าต้องทำการวิเคราะห์หาความน่าสนใจ ความเสี่ยง การแก้ปัญหาไว้ โดยสร้างขอบเขตการทำงานแต่ละจุดด้วยแนวทาง สร้าง Service Storyboard +Keyword การทำงานอิงมาจากข้อมูล WI นำข้อมูลการตลาดที่มี ร่วมกับ SWOT Analysis ช่วงแรกทำลงเป็นแผนงานติดตามแผนก อาจเป็นรูปแบบแผนผัง แผนภาพ ประโยคเฉพาะเพื่อจดจำง่าย มีการทบทวนเป็นประจำ และกลุ่มผู้ตรวจสอบภายในทำการเดินสำรวจ MSC เป็นระยะอาจสัปดาห์/เดือนละ 1 ครั้งเพื่อ Follow up & Re Check
ทุกจุดที่มีการวางระบบ Proactive Service แรกเริ่มนั้นควรเริ่มทำในจุดที่มีการสื่อสารประสานงานจากลูกค้าส่วนมาก เช่น จุดประชาสัมพันธ์ จุดตรวจรปภ. จุดรับบัตรลานจอดรถ ลานโปรโมชั่น โซนห้องน้ำ เมื่อทำได้ระยะหนึ่งค่อยๆขยับขยายทำในร้านค้าเช่าจากภายนอก วางระบบในออฟฟิศ
2. ธุรกิจด้านคลินิกเฉพาะทางผิวหนัง ผิวพรรณ ความงาม คลินิกผู้มีบุตรยาก
ภาพรวมสิ่งที่ต้องคิดถึงในการจัดทำวางระบบบริการเชิงรุก (Proactive Service) คือ ความปลอดภัย ความเป็นมืออาชีพจากผู้ประกอบวิชาชีพ การดูแลช่วยเหลือใส่ใจบริการดุจคนพิเศษ เพราะคลินิกคือสถานประกอบการผู้ให้บริการทางเลือกที่มิใช่โรงพยาบาล เป็นสิ่งที่ลูกค้าผู้รับบริการเลือกใช้บริการเนื่องมาจากสะดวกเป็นหลักทั้งเวลา การบริการที่ดี การได้สื่อสารเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางที่ลูกค้าได้เลือกแล้ว การบริการในคลินิกจึงควรสร้างความแตกต่างจากการบริการในองค์กรใหญ่ๆเช่นโรงพยาบาล
ระดับความคาดหวังการบริการของลูกค้าอยู่ในระดับที่คาดหวังหรือเกินคาดหวัง หากลูกค้ามีข้อร้องเรียนหรือComplaintจากพฤติกรรมการบริการ การสื่อสารของเจ้าหน้าที่นั่นหมายถึงการบริการนั้นต่ำกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง
กรณีศึกษาจากการบอกเล่าลูกค้าประสบการณ์จริงครั้งแรกที่ “คลินิก ABC”
…จากกรณีศึกษา พบว่านี่คือสถานบริการทางการแพทย์ เป็นคลินิกเอกชน มิได้ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลเป็นทางเลือกที่ลูกค้าเลือกใช้บริการโดยมุ่งหวังการให้บริการได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่เมื่อไปรับบริการจริงเจ้าหน้าที่ไม่ได้บริการอย่างที่คิด หากมีการปรับเปลี่ยนProactive Service คลินิกนี้จะเป็นคลินิกที่ลูกค้าประทับใจ พูดถึง บอกต่อทั้งตัวบุคคล และภาพลักษณ์คลินิก…
หากนึกไม่ออกว่าต้องวางระบบบริการเชิงรุก (Proactive Service) ในคลินิกแบบใด ให้เริ่มทำแบบง่ายๆค่อยใส่รายละเอียดเพิ่มลงไปแต่ละขั้นให้เข้ากับบริบทของคลินิก เน้นการวางระบบทุกจุดที่ให้บริการลูกค้า ด้วย Service Storyboard + Key Word ตั้งแต่จุดแรกที่ลูกค้าเดินเข้าประตูมาถึงกลับบ้าน เช่น
การวางระบบบริการเชิงรุก (Proactive Service) ทำแล้วได้อะไร?
แต่ละองค์กร ภาคธุรกิจด้านการบริการ ลองนำแนวทางการทำกรอบ Proactive Service ไปปรับประยุกต์ใช้ดูนะคะ เพราะแค่เพียงมีบุคคลทำงาน มีใบกำหนดหน้าที่งาน(JD)ไม่เพียงพอให้การทำงานเดินไปตามเส้นทางที่องค์กร สถานประกอบการมุ่งหวัง การทำงานที่ต้องข้องเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ ยังต้องใช้เครื่องมือ P D C A มาเป็นเครื่องมือในการวางเส้นทางให้คนเดินไปตามกรอบได้ตรงเป้าประสงค์ เพราะเมื่อคนเปลี่ยนพฤติกรรมการกระทำการทำงานอาจเปลี่ยนไปตามแต่ละบุคคล เมื่อเวลาเปลี่ยนความสามารถความมีประสิทธิภาพการทำงานแต่ละคนอาจลดน้อยถอยลงไปตามแรงจูงใจที่เปลี่ยนแปลง
งานทุกงานเมื่อดำเนินการไปแต่ละระยะต้องมีการตรวจติดตาม มีการแก้ไขพัฒนาให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน การฝึกอบรมยังจำเป็นทุกครั้งเสมือนการเติมปุ๋ย แร่ธาตุสารอาหารให้ต้นไม้ในองค์กร แต่การวางกรอบการบริการการทำงานคือการล้อมรั้วให้ต้นไม้เติบโตด้วยสัดส่วนที่สวยงามอยู่ในรอบรั้วขององค์กร
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 07 มกราคม 2567
จำนวนผู้เข้าชม 1502 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD
ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?
Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI
คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)
อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?
อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง
ทฤษฎีตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการ
การเลือกใช้สินค้า และบริการนั้นเกิดจากการเรียนรู้ของผู้เลือกใช้ อาจมาจากข้อมูลสื่อโฆษณาในช่องทางต่างๆ ประสบการณ์คำบอกเล่า ประสบการณ์ตรงที่ได้รับมาจากผู้ใช้บริการ
พฤติกรรมบริการต่อลูกค้าทั่วไป คลินิก โรงพยาบาล
การบริการไม่ใช่สินค้าที่สามารถคงรูปรส กลิ่น เสียงได้เมื่อเปลี่ยนผู้ให้บริการพฤติกรรมการส่งมอบบริการอาจเปลี่ยนไปตามลักษณะของบุคคลนั้น สิ่งที่ทำให้พฤติกรรมการบริการคงที่คงอยู่นั้นคือ การสร้าง Empathy
การสื่อสารแบบ AIDET Plus ทุกแผนกในโรงพยาบาลทำอย่างไร ?
ในอดีตผู้ปฏิบัติงานมีหน้าที่ปฏิบัติงานตามหลักใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Descriptions) โดยปฏิบัติงานแต่ละหน้าที่ตามขั้นตอนงาน (Work Instruction) ที่จัดทำขึ้นมาจากมาตรฐานของแต่ละวิชาชีพตามหลักการความปลอดภัย