หน้าแรก หน้ารวมบทความ ตัวอย่างกำหนดสัดส่วนค่าน้ำหนักตัวชี้วัดผลงาน

ตัวอย่างกำหนดสัดส่วนค่าน้ำหนักตัวชี้วัดผลงาน


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 852 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

   “การออกแบบใบประเมินผลนิยมจัดทำแบบผสมผสาน เป็นการประเมินจากหลายมิติมารวมกันทั้งการประเมินด้านผลลัพธ์การปฏิบัติงาน พฤติกรรมความสามารถและเวลาปฏิบัติงาน” 

   ในการปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่งานแต่ละงานมีลักษณะเฉพาะ ทั้งด้านการบริหารจัดการ หน้าที่ความรับผิดชอบการปฏิบัติงาน ผลลัพธ์เป้าหมายที่ได้ตามหน้าที่งาน ทำให้การออกแบบกำหนดสัดส่วนค่าน้ำหนักตัวชี้วัดผลงานอาจมีความแตกต่างกันตามตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ

   ผู้บริหารแต่ละระดับอาจเน้นไปที่ผลลัพธ์ของงาน(หรือปริมาณผลผลิตที่ได้)มากกว่าขีดความสามารถและเวลาการทำงาน ส่วนผู้ปฏิบัติงานเน้นความรับผิดชอบเวลาการทำงานและขีดความสามารถของงานมากกว่าผลลัพธ์ที่ได้ ทั้งนี้การกำหนดสัดส่วนขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบในการกำหนดเป้าหมายที่ต้องการตรงตามวัตถุประสงค์ขององค์กร 

   ทั้งนี้การให้สัดส่วนน้ำหนักที่ตัวชี้วัดแบบใดมากกว่ากันนั้น พิจารณาข้อมูลการกำหนดสัดส่วนตามนโยบายหลักขององค์กรทิศทางผู้บริหาร สภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจ คู่แข่งทางการค้า ข้อมูลการจัดทำตัวชี้วัดที่ผ่านมาอย่างน้อย 1 รอบปี และลักษณะงานจริงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Description : JD)  

   ไม่จำเป็นให้ทุกตำแหน่งทุกระดับมีค่าสัดส่วนเท่ากันทั้งองค์กรและมีการวัดผลทั้ง 3 มิติทุกตำแหน่ง ทั้งนี้การกำหนดน้ำหนักนั้นต้องได้รับการเห็นชอบจากทีมบริหารและผู้บริหารองค์กรสูงสุด ในการจัดทำถือเป็นมติที่ชอบอย่างเป็นรูปธรรม  ดังตัวอย่างกำหนดน้ำหนักสัดส่วนของตัวชี้วัด 2 รูปแบบตามตาราง 1.1 และ ตาราง 1.2 แนบด้านล่าง

ตาราง 1.1 :  ตัวอย่างการแบ่งค่าน้ำหนักตัวชี้วัดเน้นผลลัพธ์ (KPIs) ขีดความสามารถ (Competency) 

     จากตาราง 1.1 เห็นได้ว่าไม่วัดผลเรื่องเวลาการทำงาน เน้นผลลัพธ์ของผลงานและเน้นวัดขีดสมรรถนะความสามารถ(พฤติกรรม)   เหมาะสำหรับองค์กรที่ยืดหยุ่นในเรื่องเวลาการทำงาน มุ่งให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่าเรื่องเวลาการเข้างาน ตามแนวทางการจัดการทรัพยากรบุคคลยุคHR 5.0 ในเรื่อง ความยืดหยุ่นในการทำงาน (อ่านบทความเพิ่มเรื่อง แนวทางวางแผนอัตรากำลังยุคHR 5.0 (Agile Workforce Planning for HR 5.0)

ตาราง 1.2 ตัวอย่างการแบ่งค่าน้ำหนักตัวชี้วัดเน้นผลลัพธ์ (KPIs) ขีดความสามารถ (Competency) และเวลาปฏิบัติงาน (Time Attendance)

     จากตาราง 1.2 เห็นได้ว่า ผู้บริหารตั้งแต่ระดับต้นถึงระดับสูงสุดไม่มีการวัดผลเรื่องเวลาการทำงาน ให้ความสำคัญเรื่องผลลัพธ์และพฤติกรรมความสามารถ (โดยแบ่งสัดส่วนวัดทั้ง Core Competency & Managerial Competency) ส่วนระดับพนักงานทุกระดับมีการวัดผลทั้ง 3 ด้าน คือ KPIs  Competency Time Attendance โดยเฉพาะในระดับตำแหน่งล่างสุดในตาราง คือ พนักงานปฏิบัติงานทั่วไป(ระดับบริการ,พนักงานรายวัน) เป็นระดับที่มีเน้นเฉพาะงานด้านการบริการทั่วไป มีคุณวุฒิการศึกษาไม่อยู่ในเกณฑ์กำหนดเป็นพนักงานหรือเป็นชาวต่างชาติ ทำงานรายวัน เน้นการกำหนดน้ำหนักรวม 60% วัดทางด้านพฤติกรรมและเวลาการรับผิดชอบงานมากกว่าผลงานที่ทำได้

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 10 ตุลาคม 2566

จำนวนผู้เข้าชม 852 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


ตัวอย่างตัวชี้วัด KPI ตามตำแหน่ง & ปัญหาระยะ Action Plan

ระบบประเมินผลKPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ(Action Plan)ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ มอบหมายผู้รับผิดชอบ

Human Touch In Healthcare ด้วย Touching & Feeling

Human Touch ถูกพูดถึงในการดูแลรักษาสุขภาพ มุมมองการมีจิตบริการมานาน ควบคู่กับคำว่า Empathy (การเอาใจใส่) ซึ่งหากพูดถึงแง่การลงมือปฏิบัติงาน Human Touch มีแนวทางนำไปใช้ได้อย่างไร ?

ประโยชน์การสื่อสารแบบ AIDET

ในช่วงที่ผู้เขียนได้ฝึกงานและทำวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้สังเกต รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมการดูแลผู้รับบริการของบุคลากรทางการแพทย์หลายกลุ่ม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงาน

จิตวิทยาบริการ

หลัก “จิตวิทยาบริการ (Service Psychology)” ได้รับการประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาบุคลากรและทรัพยากรในภาคธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมภาคการบริการมาช้านาน การทำงานที่ต้องมีการติดต่อ สื่อสารส่งผ่านบุคคล

เทคนิคการพูดเพิ่มภาวะผู้นำ

คำพูดเป็นปราการด่านแรกแห่งความสำเร็จในอาชีพ เป็นการแสดงออกด้วยวจนภาษาดึงดูดผู้คนเข้ามาสนใจหรือผลักออกไปจากจากวงโคจรชีวิต โดยเฉพาะงานที่ให้บริการทั้งทางแบบออนไลน์ ออฟไลน์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ทักษะการพูด

แนวทางสร้าง Training Needs ก่อนทำ TRM

แบบสอบถาม Training Needs เพื่อสอบถามพนักงานในองค์กร ผลของคำตอบในแบบสอบถามนั้น นำมาเพื่อใช้ประเมินหาหลักสูตรที่จำเป็น (Training Needs) ในการอบรมต่อตำแหน่งงานไม่ใช่หลักสูตรที่ต้องการฝึกอบรม