หน้าแรก หน้ารวมบทความ ลำดับการจัดทำ Job Description(JD)

ลำดับการจัดทำ Job Description(JD)


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 2258 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

     “ใบกำหนดหน้าที่งานหรือใบพรรณนางาน เป็นต้นทางของการประเมินผลปฏิบัติงาน การประเมินที่สมบูรณ์แบบเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้กำหนดหน้าที่แต่ละบุคคลให้ชัดเจน” 

ลำดับการจัดทำ Job Description(JD)  มีดังนี้ 

     1. กำหนดโครงสร้างการทำงานในองค์กร(Organization Chart)ให้ครบทุกภารกิจงาน

     ไม่ควรแยกรายละเอียดย่อยหลายแผนก รวมงานที่มีหน้าที่สัมพันธ์และบริหารไปทิศทางเดียวกัน อยู่ในหมวดหมู่ฝ่ายเดียวกัน โดยลำดับจากตำแหน่งสูงลงสู่ระดับล่างสุด ตัวอย่างการจัดฝ่ายงาน เช่น Finance and Accounting ,Human Resource and Administration,Marketing and Customer Relationship Management

     หลังกำหนดแล้วมีการตรวจสอบและลงนามกำกับจากผู้บริหารสูงสุด

     2. จัดทำใบรายละเอียดของฝ่ายงาน/หน่วยงาน(Functional Description : FD) อาจแสดงลำดับกำหนดเป็นกลุ่ม แสดงรายละเอียดขอบเขตความรับผิดชอบหลัก (Key Responsibilities Functional Description )เป็นข้อๆของฝ่ายงานนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการแยกลงรายละเอียดเขียน JD ในขั้นถัดไป

    3. กำหนดแบบฟอร์มการเขียนใบกำหนดหน้าที่งาน โดยกำหนดหัวข้อที่ลงรายละเอียดในแบบฟอร์มแต่ละหัวข้อ ต้องการลงรายละเอียดเรื่องใดบ้าง ตัวอย่างเช่น 

  • ส่วนของหัวข้อ(Title) ที่ระบุหัวกระดาษ ชื่อบริษัท รหัส วันที่จัดทำ วันที่ปรับปรุงข้อมูล
  • ส่วนที่ 1 : ข้อมูลทั่วไป
  • ส่วนที่ 2 : ข้อมูลตามผังโครงสร้างงาน
  • ส่วนที่ 3 : หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก
  • ส่วนที่ 4 : คุณสมบัติเฉพาะในงาน
  • ส่วนที่ 5 : ทักษะและความสามารถอื่นๆ

     (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความเรื่อง **เขียนคำบรรยาย JD ที่ดี**)

     4. ออกแบบกำหนดรายละเอียดลงใบตารางกำหนดหน้าที่งาน(JR Matrix) เพื่อจัดกลุ่มระดับการจัดการ ระดับหัวหน้า ระดับปฏิบัติการ และหน้าที่หลักในฝ่ายงาน หน่วยงาน ทำการลงรายละเอียดแยกแต่ละฝ่าย แนวทางสร้างตารางจัดกลุ่ม JR Matrix ตารางแนวตั้งมุมซ้ายเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลัก(ลำดับจากนโยบาย การจัดการและกิจกรรมอื่นๆ) ตารางมุมขวาแนวนอนระบุตำแหน่ง (ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หัวหน้างาน… )

     5. นำข้อมูลจริงในการทำงานแต่ละตำแหน่งระบุรายละเอียดลงในแต่ละหน้าที่งาน ลำดับความสำคัญงานที่สำคัญมาก เร่งด่วนตรงตามหน้าที่ลงเป็นข้อแรก กิจกรรมที่สำคัญ ไม่เร่งด่วนไม่ประจำและสนับสนุนงานเป็นลำดับถัดมา พร้อมระบุตัวชี้วัดผลงาน(Performance Indicator)ลงตารางมุมขวาแต่ละข้อในหน้าที่งานหลัก

     6. ทำการวิเคราะห์หน้าที่งาน(Job Analysis : JA) ตามหน้าที่ความรับผิดชอบหลักโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทั้งเรื่อง Productivities(Input Output Income Outcome) Process Timing เป็นต้น ขึ้นอยู่กับ JD นั้นดำรงตำแหน่งรับผิดชอบด้านใด งานการจัดการภายนอก(Operation) หรืองานธุรการทั่วไป

     7. มีการทบทวนปรับปรุงแก้ไข(Revise) ใบกำหนดหน้าที่งานทุกครั้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะรายละเอียดความรับผิดชอบหน้าที่งาน ซึ่งในใบกำหนดหน้าที่งานไม่ระบุชื่อบุคคล(Name)ผู้ลงตำแหน่ง เนื่องจากวัตถุประสงค์การจัดทำใบกำหนดหน้าที่งานทำเพื่อระบุลักษณะเฉพาะให้ทราบหน้าที่ในตำแหน่งงานนั้น ไม่ใช่ระบุจากลักษณะบุคคลนั้น สามารถระบุตำแหน่ง(Position) และระดับ(Level) ลงไปในใบกำหนดหน้าที่ได้เพื่อให้ทราบขั้นระดับที่ทำงาน

     8. นำรายละเอียดใบกำหนดหน้าที่งานมาใช้ในการดำเนินงานของฝ่ายบุคคลเช่นการคัดเลือกสรรหา การเลื่อนขั้นตำแหน่งงาน และกำหนดตัวชี้วัดแผนก ตัวชี้วัดรายบุคคล(Individual KPI)

      ดังจะเห็นว่า หากในใบกำหนดหน้าที่งานระบุข้อมูลที่ถูกต้อง มีรายละเอียดครบถ้วนทั้งหน้าที่หลัก หน้าที่รอง กิจกรรมหลัก กิจกรรมรอง ตำแหน่ง ระดับงาน ตัวชี้วัดผลงาน(PIs)แต่ละหน้าที่งานทำการคัดเลือกจัดทำตัวชี้วัดผลงานหลัก(KPI) ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเห็นรายละเอียดข้อมูลที่ไม่ใช่หน้าที่งานโดยตรง อาจเป็นไปได้ว่างานในบางตำแหน่งหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับการประสานงานแผนกอื่น สามารถระบุลงใบข้อมูลจัดทำใบกำหนดหน้าที่งานได้ ในส่วนของการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น(Working Relationship)

     สำหรับบุคคลที่มีส่วนร่วมจัดทำใบกำหนดหน้าที่งานนั้นประกอบด้วย ผู้บริหารทุกระดับ หัวหน้างาน พนักงานผู้ปฏิบัติงาน ฝ่ายบุคคลจัดเก็บรวบรวมข้อมูลปรับปรุงแก้ไข

     ในระยะเริ่มแรกหากไม่มีความชำนาญในการจัดทำสามารถเชิญที่ปรึกษา(Consult) ภายนอกเข้ามาบรรยายและเป็นโค้ชสอนทีมงานจัดทำ JD หรือบางองค์กรอาจใช้วิธีการจ้างที่ปรึกษาจัดทำ JD ทั้งหมดทุกตำแหน่งงาน แม้ที่ปรึกษาจัดทำเองทั้งหมดแต่ยังคงต้องใช้การมีส่วนร่วมจากบุคคลทุกระดับในองค์กร ในการให้ความคิดเห็น การสัมภาษณ์ วิเคราะห์ ตรวจสอบ ขอบเขตงานที่ตั้งไว้และขอบเขตงานที่ทำจริง  เพื่อให้ใบกำหนดหน้าที่งานสามารถใช้ได้จริงเป็นรูปธรรม

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 28 กันยายน 2566

จำนวนผู้เข้าชม 2258 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD

ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?

Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI

คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)

อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?

อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง

ตัวอย่างตัวชี้วัด KPI ตามตำแหน่ง & ปัญหาระยะ Action Plan

ระบบประเมินผล KPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ(Action Plan)ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ

Human Touch In Healthcare ด้วย Touching & Feeling

Human Touch ถูกพูดถึงในการดูแลรักษาสุขภาพ มุมมองการมีจิตบริการมานาน ควบคู่กับคำว่า Empathy (การเอาใจใส่) ซึ่งหากพูดถึงแง่การลงมือปฏิบัติงาน Human Touch มีแนวทางนำไปใช้ได้อย่างไร ?

ประโยชน์การสื่อสารแบบ AIDET

ในช่วงที่ผู้เขียนได้ฝึกงานและทำวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้สังเกต รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมการดูแลผู้รับบริการของบุคลากรทางการแพทย์หลายกลุ่ม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงาน