หน้าแรก หน้ารวมบทความ กลยุทธ์ควบคุมมาตรฐานบริการ (Service Standard)

กลยุทธ์ควบคุมมาตรฐานบริการ (Service Standard)


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 1735 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

     “คนคือตัวแปรสำคัญส่งมอบและทำลายการบริการ พฤติกรรมการบริการไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เมื่อผู้ให้บริการเปลี่ยนคน ความพึงพอใจผู้ได้รับบริการอาจเปลี่ยนไป”

ทำอย่างไร? ให้ควบคุมคุณภาพการบริการให้ดี พึงพอใจ ประทับใจและเกินคาดหวัง …

     หนึ่งในกลยุทธ์การจัดการพัฒนาระบบบริการที่มีประสิทธิผล (Effectiveness) อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม คือ การควบคุมมาตรฐานบริการ (Service Standard) 

     กลยุทธ์การควบคุมมาตรฐานบริการ (Service Standard)   

     ประกอบด้วย 5 ข้อ คือ

     1. การควบคุมดูแลจากผู้บังคับบัญชาในสายงาน (Direct Supervisor Controlling)

         : หัวหน้าในสายงานวางนโยบายการให้บริการหน่วยงานสอดคล้องกับนโยบายองค์กรโดยระบุเป็นข้อ เข้าใจง่าย จำไปใช้ง่าย พร้อมรับผิดชอบดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างสม่ำเสมอ จัดตารางประชุมประจำสัปดาห์ ประจำเดือน ติดตามแก้ปัญหาการบริการอย่างใกล้ชิด ใช้ กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจพนักงานแบบ 4S*  กระตุ้นการให้บริการมากกว่าการรอคอยบริการ 

     หากหัวหน้าหมั่นดูแลควบคุม ให้คำปรึกษาช่วยแก้ปัญหา ทำให้ลูกน้องรู้สึกอุ่นใจ เกิดความกระตือรือร้น ยำเกรง เน้นการทำงานที่ผลลัพธ์ความใส่ใจงดใส่อารมณ์ 

     2. สร้างค่านิยมหลักองค์กรให้เป็นมาตรฐาน (Standardization of Core Value)

         : โดยนำเรื่องการบริการด้วยใจเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ทุกคนในองค์กรต้องมีและขับเคลื่อนไปด้วยกัน พร้อมเป็นต้นแบบวัฒนธรรมการทำงานในองค์กร ทุกคนล้วนมีแบบอย่างการทำงานรุ่นสู่รุ่นในเรื่องค่านิยมด้านการบริการ

     ค่านิยมในองค์กร หมั่นทบทวนเป็นค่านิยมหลักในหน่วยงานทำงานด้วยความเห็นอกเห็นใจเอาใจใส่อย่างไร้ข้อแม้

     3. สร้างกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐาน (Standardization of Work Process)

         : การเขียนรายละเอียดกระบวนการบริการ Service Storyboard ทุกขั้นตอนในงานหรือจาก Work Instruction ช่วยให้การบริการมีมาตรฐานเดียวกันทั้งองค์กร หน่วยงาน โดยนำ WI เป็นต้นแบบกระบวนการทำงาน ลำดับขั้นการ

        บริการ จากจุดแรกถึงจุดสุดท้ายของการทำงาน สิ่งที่ผู้ให้บริการส่งมอบ ทั้งการเปิดรับแรกรับ บุคลิกภาพ พฤติกรรม ท่าทาง การสื่อสาร การทักทาย เส้นทางการส่งมอบการบริการ รวมถึงการป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นขณะให้บริการ  

        ควรจัดหมวดหมู่แยกแต่ละแผนก ส่วนงาน ซึ่งการเขียนกระบวนการทำงานบริการ สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เมื่อนโยบายหลักการบริการขององค์กรเปลี่ยนไป

     4. สร้างทักษะงานบริการให้มีมาตรฐาน (Standardization of Service Skills)

         : การสร้างทักษะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ การพัฒนาความรู้ทักษะด้านบริการและการกำหนดมาตรฐานผู้ให้บริการ 

  • การให้ความรู้ทักษะด้านการบริการเป็นที่นิยมในปัจจุบันเช่น การฝึกอบรมในห้องเรียน(Training) การฝึกปฏิบัติหน้างาน(On The Job Training) การศึกษาดูงานในธุรกิจที่ได้ประสบความสำเร็จด้านบริการ 
  • การกำหนดมาตรฐานผู้ให้บริการ   มีการจัดทำระดับ(Level)ทักษะมาตรฐานผู้ปฏิบัติงาน คล้ายกำหนด มาตรฐานสมรรถนะความสามารถ (Competencies) แตกต่าง Competencies ตรงที่ลงรายละเอียดเฉพาะทางด้านเทคนิคการบริการแต่ละตำแหน่งงาน(Position)ตามเส้นทางอาชีพ Career Path 

        ทั้งหลักความรู้ความเข้าใจผู้รับบริการ ทักษะการบริการ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การติดตามแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ  แบ่ง 5 ช่วงระดับ 

      เช่น  Basic (พื้นฐาน) , Doing (ทำตามหน้าที่) , Developing (แก้ปัญหาได้มีการพัฒนาเป็นลำดับ) , Advanced (แก้ไขข้อตำหนิร้องเรียนได้ไม่เกิดปัญหา) , Expert (มีความเชี่ยวชาญเป็นวิทยากรที่ปรึกษาในองค์กร)

     5. สร้างผลลัพธ์ให้มีมาตรฐาน (Standardization of Outcomes)

          :  การบริการเป็นงานที่ไม่มีผลผลิต(Output) เชิงปริมาณ จำนวนวัดได้ชัดเจนทันทีในขณะนั้น เช่น จำนวนผู้ใช้บริการ ยอดขายสินค้า จัดส่งของครบรายการ  ทำงานทันตามกำหนดเวลา 

       งานบริการเป็นการวัดผลลัพธ์ (Outcome) ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการทำงานตั้งแต่เริ่มการให้บริการถึงจุดสุดท้ายการบริการ มีผลที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นทันทีหรือระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นกระทบต่อตัวบุคคล  สังคม ทรัพยากรงบประมาณและภาพลักษณ์องค์กร 

     สร้างผลลัพธ์ให้มีมาตรฐานเป็นการนำผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาหรือมีโอกาสเกิดขึ้น มากำหนดมาตรฐานแต่ละตำแหน่งงานหรือแผนกงาน นำ Pain points มาสร้างมาตรฐานการบริการ เช่น จำนวนการกลับมาใช้บริการลูกค้าเดิม การบอกต่อการใช้บริการ  ขั้นตอนงานความซ้ำซ้อนยุ่งยากการบริการ คะแนนความพึงพอใจการบริการ ความสำเร็จในการติดต่อประสานงาน เป็นต้น

     ปัญหาที่พบบ่อยด้านการร้องเรียนหรือพฤติกรรมการบริการ  

  • คำพูดตะคอก พูดสั้นไม่มีหางเสียง  
  • ท่าทางไม่ต้อนรับ ไม่พร้อมทำงาน  
  • มองด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
  • รอคอยนานมาก
  •  ถูกแซงคิวจากเจ้าหน้าที่
  • กระบวนการบริการ การทำงานซับซ้อนยุ่งยาก
  • ขาดความใส่ใจดูแลช่วยเหลือ
  • เจ้าหน้าที่เล่นโทรศัพท์ขณะปฏิบัติงาน 

     เหล่านี้ มีผลให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย มีโอกาสผู้รับบริการบอกปากต่อปากในทางลบ เกิดการกระจายข้อความเป็นวงกว้าง กรณีองค์การภาครัฐบางแห่งอาจไม่ได้ส่งผลกระทบด้านรายได้รายรับมากนัก เนื่องจากการดำเนินงานขององค์การภาครัฐมีเงินงบประมาณอุดหนุนส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่มาจากรัฐบาล นโยบายการทำงานการจัดการขององค์การภาครัฐ เน้นการพัฒนากระบวนการ (Process-Oriented) มากกว่าผลลัพธ์ที่ผู้รับบริการพึงได้รับอย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย 

     ในองค์กรเอกชนจำนวนผู้รับบริการ รายได้นั้นมาจากการดำเนินธุรกิจ เน้นเพิ่มลูกค้าใหม่รักษาฐานลูกค้าเดิม ผู้รับบริการทั้งด้านอุปโภคบริโภคมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองตามงบประมาณพึงมี องค์กรภาคเอกชนตระหนักถึงการพัฒนาระบบบริการเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น เชื่อใจ ให้ผู้รับบริการกลับมาใช้บริการซ้ำ การทำงานการจัดการภาคเอกชนเน้นวางเป้าหมายเพื่อผลงาน (Target-Oriented) ลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อนยุ่งยาก เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งวัสดุอุปกรณ์ เวลา บุคลากรและเพิ่มความสะดวกให้ผู้รับบริการ

     เมื่อพบปัญหาด้านบริการเกี่ยวกับการสื่อสาร พฤติกรรม บุคลากร ที่เกิดขึ้นทุกครั้งหลังจบ การจัดฝึกอบรม (Training) ควรต่อยอดการวางแผนจัดทำ “กลยุทธ์การควบคุมมาตรฐานบริการ (Service Standard)” วางแผนแบ่งเป็นระยะหรือไตรมาส เพื่อควบคุมติดตามการบริการอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 25 กันยายน 2566

จำนวนผู้เข้าชม 1735 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD

ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?

Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI

คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)

อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?

อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง

ทฤษฎีตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการ

การเลือกใช้สินค้า และบริการนั้นเกิดจากการเรียนรู้ของผู้เลือกใช้ อาจมาจากข้อมูลสื่อโฆษณาในช่องทางต่างๆ ประสบการณ์คำบอกเล่า ประสบการณ์ตรงที่ได้รับมาจากผู้ใช้บริการ

พฤติกรรมบริการต่อลูกค้าทั่วไป คลินิก โรงพยาบาล

การบริการไม่ใช่สินค้าที่สามารถคงรูปรส กลิ่น เสียงได้เมื่อเปลี่ยนผู้ให้บริการพฤติกรรมการส่งมอบบริการอาจเปลี่ยนไปตามลักษณะของบุคคลนั้น สิ่งที่ทำให้พฤติกรรมการบริการคงที่คงอยู่นั้นคือ การสร้าง Empathy

การสื่อสารแบบ AIDET Plus ทุกแผนกในโรงพยาบาลทำอย่างไร ?

ในอดีตผู้ปฏิบัติงานมีหน้าที่ปฏิบัติงานตามหลักใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Descriptions) โดยปฏิบัติงานแต่ละหน้าที่ตามขั้นตอนงาน (Work Instruction) ที่จัดทำขึ้นมาจากมาตรฐานของแต่ละวิชาชีพตามหลักการความปลอดภัย