ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 02 สิงหาคม 2566 จำนวนผู้เข้าชม 1188 คน
02 สิงหาคม 2566“การทำแผนที่เส้นทางการฝึกอบรม (Training Roadmap) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพัฒนาบุคลากร ทำให้ทุกหลักสูตรการฝึกอบรมมีประสิทธิภาพ ผู้เข้าอบรมได้รับประโยชน์แท้จริงและบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร”
แผนงานฝึกอบรม (Training Roadmaps) ที่นิยมมี 3 แบบ คือ
1. แผนการฝึกอบรมพัฒนาตามสายงาน (Career Development)
: เป็นแบบแผนการจัดการฝึกอบรมในมิติที่หลากหลาย ตามระดับตำแหน่งงาน ตามการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งและตามความจำเป็นในการฝึกอบรม(Training Needs) เริ่มตั้งแต่แรกรับเข้าทำงานกระทั่งเกษียณอายุงาน เป้าหมายเพื่อรองรับการเติบโตบนเส้นทางการทำงานในองค์กร พัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ ธำรงรักษาคนเก่ง สร้างแรงจูงใจในการทำงาน
2. แผนการฝึกอบรมสำหรับลูกค้า (Customer Training)
: เป็นการวางแผนการฝึกอบรมเพื่อสร้างความเข้าใจในรายละเอียดสินค้าและการบริการ เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า ทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้า บางธุรกิจไม่จำเป็นต้องให้ความรู้ลูกค้า วัตถุประสงค์การจัดทำแผนการอบรม เพื่อสร้างความมั่นใจเพิ่มองค์ความรู้สร้างการรับรู้ผู้บริโภคอุปโภค แทรกไว้ด้วยการประชาสัมพันธ์องค์กรไปในตัวเอง ส่วนใหญ่ธุรกิจที่นิยม เช่น
เป็นต้น ฯลฯ
3. แผนงานสำหรับคู่ค้า พันธมิตร (Partner Leadership)
: แผนงานนี้มีความสำคัญมากในการดำเนินธุรกิจ เป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินงานร่วมกันอย่างยั่งยืน แผนงานนี้ใช้เฉพาะสำหรับผู้บริหารระดับสูงหรือผู้จัดการที่ต้องพบปะพันธมิตรทางธุรกิจ ใช้เป็นเส้นทางแนวทางในการดำเนินการติดต่อทำสัญญา ประสานงานการพูดคุยชี้แจงประชุมหรือขอบคุณ โดยส่วนใหญ่ธุรกิจที่มีคู่ค้าพันธมิตรใหม่เก่าจะยึดแนวทางการดำเนินงานตามแผนงานนี้ ดังที่ระบุไว้ในแผน
สำหรับมือใหม่ในการวางเส้นทางการฝึกอบรม ออกแบบในการเขียนรายละเอียดให้ครอบคลุมมีขั้นตอนรายละเอียด แนวทางการทำ Training Roadmap ดังนี้
1) ตั้งวัตถุประสงค์
: เมื่อเลือกหัวข้ออบรมตามหลักการเลือก คือ อิงนโยบาย(Policy) อิงขีดสมรรถนะความสามารถ (Competencies) อิงความจำเป็นในการฝึกอบรม (Training Needs) แล้ว ระบุวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับแต่ละหัวข้ออบรมลงไป(ทำทุกหัวข้ออบรม เป็นไปได้ว่าหลักสูตรอาจมากถึงหลัก 10 – 100หลักสูตรขึ้นไป ) โดยแนวทางตั้งวัตถุประสงค์แต่ละหัวข้อที่อบรม มี ลำดับขั้นการตั้งวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. พุทธิพิสัย (Cognitive Domain) 2. จิตพิสัย (Affective Domain) 3. ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) | => => => | 5 ด้าน ความรู้ ความเข้าใจ การวิเคราะห์ การนำไปใช้ และการสังเคราะห์ ลักษณะที่พึงประสงค์ทั้ง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมองค์กร พฤติกรรมที่บ่งชี้ด้านการเรียนรู้และทักษะความสามารถ |
ไม่จำเป็นว่าทุกหลักสูตรที่อบรมต้องมีการตั้งวัตถุประสงค์ครบ 3 ด้าน (พุทธิพิสัย จิตพิสัย ทักษะพิสัย ) ทุกหลักสูตรต้องมีวัตถุประสงค์ด้านพุทธิพิสัยเป็นหลัก การเลือกขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้กำหนดและผลลัพธ์ที่ต้องการ
2) ลำดับหัวข้อ
: ลำดับความสำคัญแต่ละหัวข้อไล่ระดับจากสำคัญมากก่อนและลงรายละเอียดระยะเวลาที่ดำเนินการในปฏิทินการอบรม เช่น
พนักงานใหม่
|
พนักงานเก่า
|
3) ใส่ข้อมูลWorkshopหรือกิจกรรมในแต่ละหัวข้อ
: ก่อนลงข้อมูลแต่ละการอบรมต้องมีกิจกรรมอะไรบ้าง ผู้กำหนดต้องทราบลักษณะพื้นฐานทั้งความรู้ การศึกษา ความสนใจ พฤติกรรม ลักษณะนิสัยของกลุ่มผู้เรียนรู้ก่อน เป็นไปได้ว่าแม้หัวข้อการเรียนรู้เดียวกันแต่ละกลุ่มการรับรู้อาจไม่เท่ากัน สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะWorkshopเฉพาะกลุ่ม หรือเพิ่มกิจกรรม สื่อเรียนรู้ ทัศนวัสดุ(ทัศนวัสดุ คือสื่อเพื่อการรับรู้ เรียนรู้เช่น ภาพ วีดีโอ คู่มือ ป้าย ตัวอย่างจริง )ที่แตกต่างกัน
4) ดำเนินการลงรายละเอียดในแผนงาน
: ใส่ข้อมูลทั้งหมดลงในแผนการดำเนินงานและปฏิทินการฝึกอบรม โดยบริหารการจัดการเรียนรู้การฝึกอบรมแบบ LMS (Learning Management System) เช่น Classroom ,Workshop ,Onsite ,Online
5) สรุปการวางแผนงานและนำไปพัฒนา
: ทุกการจัดกิจกรรมอบรมต้องมีการสรุป ประเมินผลติดตามอย่างเป็นรูปธรรมทั้งแบบเชิงคุณภาพ (Quality) หรือเชิงปริมาณ (Quantity) เช่น
เชิงคุณภาพ(Quality) การประเมินผลแบบสอบถามการอบรม , การประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าภายนอก |
เชิงปริมาณ(Quantity) การทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) การทดสอบหลังเรียน (Post-Test) การประเมินการปฏิบัติหน้างานจริง (On The Job Training) การประเมินตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (Performance Indicators) ประเมินขีดสมรรถนะ (Competencies) ปลายปี เป็นต้น |
รายละเอียดด้านบนคือขั้นต้นของการเตรียมตัวการจัดทำ Training Roadmap เมื่อกำหนดรายละเอียดแผนการฝึกอบรมลงไปในแผนงานแล้ว กลไกที่ซ่อนอยู่ในการวางเส้นทางการฝึกอบรมนั้นคือ “ใช้เครื่องมืออะไรในการพัฒนาบุคลากร” (Development Tools) ?
ผู้กำหนดจึงต้องวางเส้นทางแต่ละขั้นให้รอบคอบตามรูปแบบวงจรคุณภาพ PDCA มิเช่นนั้นอาจทำให้เสียเวลาการอบรม เสียงบประมาณ ไม่สามารถสร้างคนเก่งในองค์กรได้จริง
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 02 สิงหาคม 2566
จำนวนผู้เข้าชม 1188 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
จิตวิทยาบริการ
หลัก “จิตวิทยาบริการ (Service Psychology)” ได้รับการประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาบุคลากรและทรัพยากรในภาคธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมภาคการบริการมาช้านาน การทำงานที่ต้องมีการติดต่อ สื่อสารส่งผ่านบุคคล
แนวทางสร้าง Training Needs ก่อนทำ TRM
แบบสอบถาม Training Needs เพื่อสอบถามพนักงานในองค์กร ผลของคำตอบในแบบสอบถามนั้น นำมาเพื่อใช้ประเมินหาหลักสูตรที่จำเป็น (Training Needs) ในการอบรมต่อตำแหน่งงานไม่ใช่หลักสูตรที่ต้องการฝึกอบรม
ทำ CBO แบบ AIDET แก้ปัญหาพฤติกรรมบริการ
การทำ CBO ช่วยพัฒนาแนวทางตามความสามารถได้จริงทุกภาคส่วนการทำงานไม่เฉพาะแต่งานบริการ เพราะการจัดทำ CBO(Competency -Based Orientation) แต่ละประเด็นมีต้นทางมาจากการวางกลยุทธ์ของผู้บริหารองค์กร
กลยุทธ์สร้างแรงจูงใจพนักงานแบบ4S (Strategies for Motivating Employees)
นอกจากการให้สวัสดิการที่ดี การขึ้นเงินเดือนเลื่อนขั้น การมีโบนัสปลายปีอาจไม่ได้ตอบโจทย์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานสำหรับทุกคน องค์กรที่ต้องการธำรงรักษาคนเก่ง คนมีฝีมือไว้ได้ องค์กรวางกลยุทธ์
Training Roadmap จัดทำอย่างไร? (How to Create a Training Roadmap)
การทำแผนที่เส้นทางการฝึกอบรม (Training Roadmap) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพัฒนาบุคลากร ทำให้ทุกหลักสูตรการฝึกอบรมมีประสิทธิภาพ ผู้เข้าอบรมได้รับประโยชน์แท้จริงและบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
Competency มีประโยชน์ต่อองค์กร?
การจัดทำขีดสมรรถนะความสามารถแบบ Competency มีประโยชน์ทั้งด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและการพัฒนารูปแบบองค์กรให้มีประสิทธิภาพเท่าทันสถานการณ์ การมุ่งหมายบริหารบุคลากรไปที่การประเมินผลปฏิบัติงาน