ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 08 มีนาคม 2566 จำนวนผู้เข้าชม 562 คน
08 มีนาคม 2566การสื่อสารที่ใช้ในแต่ละวันทั้งการเขียน การพิมพ์ข้อความ การใช้ท่าทาง การพูดถือเป็นการสื่อสารที่ทรงอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตมากทีเดียว นอกจากการรู้จักวิธีการพูด การทักทาย การเรียกชื่อ สรรพนาม การใช้คำประโยคเรียกได้ถูกต้องแล้ว การใช้น้ำเสียงในการสื่อสารถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพูดการเจรจาให้ประสบความสำคัญในทุกสถานการณ์
“น้ำเสียง หมายถึง ความดัง จังหวะและระดับเสียง” ส่งผลให้ผู้ตอบรับการสื่อสารมีปฏิกิริยาทั้งเชิงบวกหรือเชิงลบ
ดังนั้น น้ำเสียงจึงมีผู้สนใจเรียนรู้ฝึกฝนกันอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ ความสามารถ ในบางครั้งน้ำเสียงยังส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าในสายอาชีพได้อีกด้วย
ตัวอย่างในสมัยก่อนเราฟังบทละคร นิทานทางวิทยุเป็นส่วนใหญ่ ทุกครั้งที่ฟังทำให้เกิดจินตนาการภาพผู้พูด ความสวยงามของตัวละครเหล่านั้น เกิดอรรถรสความบันเทิง
หากท่านสนใจฝึกการใช้น้ำเสียงด้วยตนเอง ข้อแนะนำคือ ให้ฝึกดังนี้
1. ความดัง : ฝึกเปล่งเสียงไต่ระดับความดังตาม dB ที่เหมาะสมตามสถานการณ์และระดับเสียงที่เหมาะสม บางท่านจึงฝึกอ่าน/ร้องเพลงโดยอัดเสียงตนเองไว้เพื่อฟังความดัง-เบาของเสียง
2. จังหวะ : ฝึกเว้นวรรคประโยคคำพูด อักขระควบกล้ำให้ถูกต้องเช่น ร เรือ ล ลิง
ตัวอย่างฝึกอ่าน ร ล คำควบกล้ำและเว้นวรรค
แบบที่ 1 (ร ล คำควบกล้ำ)
กระโดดลงกระได ลิงวิ่งไวไปไกวเปล
กวัดแกว่งไม่ลังเล รีบร้อนรนกระวนกระวาย
ฟักแฟงลงแปลงปลูก ล้วนออกลูกผลเริ่มใหญ่
ตำลึงลอดรั้วไม้ ร่วงหล่นไร้ใครเหลียวแล
แบบที่ 2 (เรื่องย่อลิลิตตะเลงพ่าย)
… พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรงทราบว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรได้ครองราชสมบัติ พระองค์จึงตรัสปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า กรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนกษัตริย์ สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถ พระพี่น้องทั้งสองอาจรบพุ่งชิงความเป็นใหญ่กัน ยังไม่รู้เหตุผลประการใด ควรส่งทัพไปดินแดนอยุธยา เป็นการเตือนสงครามไว้ก่อน ถ้าเหตุการณ์เมืองอยุธยาไม่ปกติสุขก็ให้โจมตีทันที
ขุนนางทั้งหลายก็เห็นชอบตามพระราชดำรินั้น พระเจ้าหงสาวดี จึงตรัสให้พระมหาอุปราชเตรียมทัพ ร่วมกับพระมหาราชเจ้านครเชียงใหม่ แต่พระมหาอุปราชากราบทูลพระบิดาว่า โหรทายว่าชันษาของพระองค์ร้ายนัก
สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีตรัสว่า พระมหาธรรมราชาไม่เสียแรงมีโอรสล้วนแต่เชี่ยวชาญกล้าหาญในศึกมิเคยย่อท้อการสงคราม ไม่เคยพักให้พระราชบิดาใช้เลยต้องห้ามเสียอีก ผิดกับพระองค์และให้พระมหาอุปราชาไปเอาภัสตราภรณ์สตรีมาทรงเสีย พระมหาอุปราชาทรงอับอายและหวาดกลัวพระราชอาญาของพระบิดายิ่งนัก จึงเตรียมจัดทัพหลวงและทัพหัวเมืองต่างๆ เพื่อยกมาตีอยุธยา
ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพจะไปตีกัมพูชาเป็นการแก้แค้นที่ถือโอกาสรุกรานอยุธยาหลายครั้งระหว่างที่อยุธยาติดศึกกับพม่า พอสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบข่าวศึกก็ทรงถอนกำลังไปสู้รบกับพม่าทันที ทัพหน้ายกล่วงหน้าไปตั้งที่ตำบลหนองสาหร่าย
ฝ่ายพระมหาอุปราชาทรงคุมทัพมากับพระเจ้าเชียงใหม่รี้พลรบ 5 แสน เข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ ทรงชมไม้ ชมนก ชมเขา และคร่ำครวญถึงพระสนมกำนัลมาตลอดจนผ่านไทรโยคลำกระเพิน และเข้ายึดเมืองกาญจนบุรีได้โดยสะดวก
ต่อจากนั้น ก็เคลื่อนพลผ่านพนมทวนเกิดลางร้ายลมเวรัมภาพัดฉัตรหัก ทรงตั้งค่ายหลวงที่ตำบลตระพังตรุ ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคลื่อนพยุหยาตราทางชลมารค ไปขึ้นบกที่ปากโมก บังเกิดศุภนิมิต ต่อจากนั้นทรงกรีฑาทัพทางบกไปตั้งค่ายที่ตำบลหนองสาหร่าย
เมื่อทรงทราบว่าพม่าส่งทหารมาลาดตะเวน ทรงแน่พระทัยว่าพม่าจะต้องโจมตีกรุงศรีอยุธยาเป็นแน่ จึงรับสั่งให้ทัพหน้าเข้าปะทะข้าศึกแล้ว ล่าถอยเพื่อลวงข้าศึกให้ประมาท แล้วสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับสมเด็จพระเอกาทศรถทรงนำทัพหลวงออกมาช่วย ช้างพระที่นั่งลองเชือกตกมันกลับเขาไปในหมู่ข้าศึกแม่ทัพนายกองตามไม่ทัน สมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรัสท้าพระมหาอุปราชาทำยุทธหัตถีและทรงได้รับชัยชนะ โดยทรงใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชาขาดคาคอช้าง พระแสงของ้าวนั้นได้รับการขนานนามในภายหลังว่า พระแสงของ้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย ทางด้านสมเด็จพระเอกาทศรถได้ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะแก่มังจาชโร
เมื่อกองทัพพม่าแตกพ่ายไปแล้วสมเด็จพระนเรศวรมาหาราชรับสั่งให้สร้างสถูปเจดีย์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระมหาอุปราชา แล้วจึงเสด็จเลิกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา…
3. ระดับเสียง : มนุษย์มีระดับเสียง 5 ระดับ คือ ธรรมดา สูง1 สูง2 ต่ำ1 ต่ำ2 ฝึกประโยคการใช้ระดับเสียงตามสถานการณ์ ตามตัวอย่าง ดังนี้
คนที่รู้จักพูดหรือเรียกว่าพูดเป็น เป็นเสมือนมิตรไมตรีแรกที่ยื่นให้แก่ผู้ฟังทั้งเห็นหน้าหรือไม่เห็นหน้า ทำให้ดูน่ารัก ฉลาดและมีเสน่ห์ สร้างจุดสนใจแรกให้คนสื่อสารด้วยอยากร่วมงาน อยากประสานงานครั้งต่อไป
ดังนั้น ต้องฝึกอ่านให้มาก ฝึกพูดตามสถานกาณ์ต่างๆ ยิ่งใครยื่นไมค์ให้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ต้องรับไว้พร้อมพูดอย่างมั่นใจ การพูดให้มีจังหวะสะกดคนฟังจึงเป็นทั้งพรสวรรค์และพรแสวงที่นำมาซึ่งความสำเร็จได้ในอาชีพการงาน
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 08 มีนาคม 2566
จำนวนผู้เข้าชม 562 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
แนวคิดและประโยชน์ Competency based Performance
การมุ่งเน้นประเมินผลตัวชี้วัดหลัก KPI ตามหน้าที่ปฏิบัติงานอาจได้คนเก่ง แต่ไร้ประสิทธิภาพความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นทีม การประเมินด้านขีดความสามารถมีส่วนในการช่วยพัฒนาบุคลากรให้เป็นไปตามทิศ
ข้อมูลที่จำเป็นในการเตรียมทำ KPI
ก่อนการจัดทำ KPI สิ่งที่ผู้จัดทำควรเตรียมการดำเนินการ ไม่ใช่แค่มองหาเป้าหมายเลือกเฟ้นหาหลักสูตรอบรม (Training) แม้การจัดอบรมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ขับเคลื่อนองค์ความรู้สู่บุคลากรแต่ละกลุ่ม
ฝึกพูดระดับเสียงหนึ่งในงานบริการ
เสียงหนึ่ง เสียงสองคืออะไร ? หากได้ยินคนเอ่ยถึงคุณทราบหรือไม่?? น้ำเสียงที่สนทนาพูดคุยอยู่นั้นคือน้ำเสียงระดับใด ซึ่งการใช้น้ำเสียงเพื่อการสนทนากับผู้รับบริการต่างจากการพูดคุยทั่วไป
เปรียบเทียบการสื่อสารแบบทั่วไป และ AIDET Plus
เอเด็ต (AIDET) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวางกรอบการสื่อสารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มHealthcare เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้แบบสองทาง (Two way communications)
การถ่ายทอดลำดับการสื่อสารเชิงลึกงาน Healthcare
การถ่ายทอดลำดับการสื่อสารเชิงลึกงาน Healthcare (In-Depth communications in Healthcare) เมื่อไรก็ตามที่คุณใช้รูปแบบการสื่อสารแบบ AIDET Plus+ ในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ป่วยและครอบครัว
ความแตกต่าง AIDET & AIDET Plus
ความแตกต่างระหว่างรูปแบบการสื่อสารของบุคลากรทางการแพทย์แบบเดิม AIDET และแบบใหม่ AIDET Plus เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร สามารถขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติไปให้ถึงเป้าหมายการพัฒนาบุคลากร