หน้าแรก หน้ารวมบทความ เทคนิคปรับบุคลิกภาพตนเอง

เทคนิคปรับบุคลิกภาพตนเอง


ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์   วันที่ :   จำนวนผู้เข้าชม 316 คน

กด Like กด Share บทความให้เพื่อน

Facebook Twitter Line

       ปัจจุบันผู้บริหารองค์กร ต้องดูดี มีสง่า ราศรีจับ หากแต่งตัวโทรม ผมยุ่ง นุ่งกางเกงยับ รองเท้าฝุ่นจับ คงไม่มีใครชื่นชมปรบมือให้ แถมยังได้ยินเสียงพลายกระซิบตามหลังมาอีกว่า “ดูไม่ได้เอาเสียเลย นายเรา !! ” 

       “ส่วน หัวหน้างาน พนักงาน ทั่วไปไม่จำเป็นต้องบุคลิกดีก็ได้” ไม่จริงอย่างมากค่ะ ….. 
       ไม่ว่าดำรงตำแหน่งใดในงาน เราต้องฝึกปรับตนเองให้มีบุคลิกภาพที่ดี น่านับถือ สง่างาม ใครเห็นเป็นสะดุดตา 
        บุคลิกภาพที่ดีนั้น ปรับแก้ได้ทุกคน สามารถแก้ไขเปลี่ยนจุดด้อยที่มีอยู่ในตนเป็นจุดเด่นขึ้นมาได้ โดยง่าย แต่นั่นต้องอาศัยการฝึกอบรม เพาะบ่มจากผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาบุคลิกภาพ 
        ในวันนี้ ผู้เขียนขอแนะนำพื้นฐาน การปรับบุคลิกภาพให้ดูดี ด้วยเทคนิคการปรับ 3 อย่างในตัวเอง ทำได้ง่าย ทำเองได้ที่บ้านไม่ต้องเข้าคอร์สฝึก 
        คือ ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ภายนอก ปรับเปลี่ยนท่าเดิน และสุดท้ายปรับเปลี่ยนเสียงพูด หากนำไปปรับแก้ไขใช้จริง เพื่อนที่เคยขำๆคุณ ลูกน้องที่เคยมองเมิน หัวหน้าที่คอยดูแคลน ต้องมองเหลียวหลัง และถามคุณว่า “ไปทำอะไรมา ดูดีขึ้น ?” 

        พื้นฐานการปรับบุคลิกภาพให้ดูดี ดังนี้ 

          ๐ ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ภายนอก 
             + เปลี่ยนชุด เสื้อผ้า รองเท้า ให้เหมาะกับงาน มีความเป็นมืออาชีพ หากต้องทำงานในตำแหน่งตั้งแต่ผู้จัดการขึ้นไปถึงตำแหน่งฝ่ายบริหาร ต้องใส่สูท ผูกเนคไท ผู้ชายท่านใดยังเคยชินกับการใส่เสื้อเชิ้ตพับแขน กางเกงสแล็ค รองเท้าหนังย่นพันปี คุณพลาดอย่างแรงค่ะ เพราะทำให้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือคุณตกไปแล้ว ลองเปลี่ยนดูค่ะ 
          สำหรับผู้หญิงให้ใส่ชุดเดรสหรือสวมเชิ้ต ใส่สูทพอดีตัวทับ กระโปรงยาวลงมาคลุมเข่าประมาณ 1- 3 นิ้ว กำลังดีค่ะ สีสูทน้ำเงิน เทา ขาว ดำ น้ำตาล คือสีพื้นฐานที่เข้าได้ดีหลายสีผิว คงเอกลักษณ์ความน่ายำเกรง รองเท้าหากไม่เคยชินกับรองเท้าส้นสูง แนะนำให้ใส่รองเท้าส้นต่ำหรือส้นเตารีดแบบต่ำ ไม่แนะนำให้ใส้รองเท้าส้นหนาๆ หรือรองเท้าไม่มีส้นปลายเปิด เพราะดูไม่สมาร์ท 
             + ทรงผม ผมที่เคยกระเซอะกระเซิง ทั้งหญิงและชายให้เดินเข้าร้านนักออกแบบทรงผม เลิกตัดผมกับร้านประจำเดิมๆ เพราะเราตัดประจำ ชีวิตเราจึงอยู่แบบเดิมๆอย่างนี้เป็นประจำ เน้นให้ทรงผม ออกแบบมาเข้ากับรูปหน้าดูทันสมัย ยอมจ่ายเงินหนึ่งครั้งเพื่อซื้อคุณคนใหม่ ผู้ชายนักบริหารแนะนำให้ตัดผม เปิดหน้า ผมหน้าสั้นไม่มีไรผมมาเคลียหน้าตาแบบทรงหนุ่มเกาหลี ทรงผมสั้นนี้เหมาะกับนักธุรกิจ ผู้บริหาร หัวหน้างาน 
          สำหรับผู้หญิงนักบริหาร หัวหน้างาน ไม่เหมาะตัดผมหน้าม้าหนาเตอะยกเว้นแนวแฟชั่น วัยทำงานทั่วไป หากตัดผมหน้าม้าให้สไลด์ผมม้าบางหรือปัดม้าข้าง จะดูดีกว่า หากผมยาวควรมัดรวบขึ้นหรือรวบผมครึ่งหัว หน้ารูปทรงไข่มั่นใจไม่กลมดิ๊ก ตัดสั้นได้แบบสบายหัวเลยค่ะ ผมดัดโรลก็สวยไปอีกแบบ ดูมีความมั่นใจขึ้น แต่ถ้าคิดดัดผมจริงล่ะก็ ต้องศึกษาโครงหน้าตนเอง ให้ดัดแล้วดูสวยสะพรั่งมิใช่เพิ่มตัวเลขอายุ ? ที่สำคัญลักษณะนิสัยส่วนตัว เป็นคนง่ายๆ ไม่ชอบวุ่นวายกับการทำผมหรือไม่ ? ผมดัดต้องหมั่นเซ็ทผมให้ดูดีทุกวัน มิเช่นนั้นผมพองชี้ฟู ดูไม่เข้าท่า 
              + แต่งหน้า ผู้บริหารหญิงหน้าซีดหน้าดำ เห็นรอยเท้ากาเต็มใบหน้า คงไม่มีลูกน้องคนไหน สดใสสดชื่นอยากร่วมงานด้วย ควรเลือกการแต่งหน้าให้เข้ากับสีผิว 
                  - สีผิวขาวอมเหลือง ควรเลือกแต่งหน้าโทนสีพาสเทล สีผมบลอนด์อมทอง บลอนด์เขียว ทองประกายแดงเรื่อ , 
                  - ผิวสองสี ผิวสีแทน ผิวสีน้ำผึ้ง ควรแต่งหน้า โทนสีส้มอมชมพูระเรื่อ เอิร์ธโทน โทนสีน้ำตาลส้ม สีผมเน้นโทนสว่างสีเชสต์นัต น้ำตาลส้มปานกลาง สีคาราเมล 
                  - คนผิวขาว ควรแต่งหน้า โทนสีเบจ สีชมพู สีผมบลอนด์ทอง ดำน้ำตาล ดำเข้ม 
              + มีของติดมือ นอกจากมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้างกาย หากคุณคือผู้บริหาร หรือมีแนวโน้มจะเติบโตด้านหน้าที่การงาน แนะนำให้มีสมุดแพลนเนอร์ พกติดตัวเสมอเมื่อต้องร่วมประชุมหรือฟังวาระต่างๆ อย่าเดินตัวเปล่าเล่าเปื่อยไปแบบบันทึกลงหน่วยความจำซ้ายขวา เพราะดูไม่มีความเตรียมพร้อม ไม่ใส่ใจ ส่วนเครื่องประดับที่ต้องติดตัวเสมอคือนาฬิกา เพราะนอกจากทำให้เรารู้เวลาแล้ว ยังสามารถบริหารเวลาได้แบบมืออาชีพ อีกด้วย 
          ๐ ปรับเปลี่ยนท่าเดิน 
          เราหัดเดินมาแต่เริ่มตั้งไข่ แต่เมื่อโตเข้าวัยผู้ใหญ่ ต้องหัดเดินแบบสมาร์ทแล้วล่ะ การเดินไปทำงาน ในพื้นที่ของออฟฟิศคุณน่ะแหละ คือ รันเวย์ระดับโลก ผู้เขียนไม่ได้ให้คุณไปฝึกเดินแบบ แต่ให้ฝึกการเดินอย่างสง่างาม คุณเดินเข้าทำงานตามปกติ แต่คุณสามารถทำให้ดูดีสะดุดตาได้ ไม่ยาก 
          สาวๆต้องหัดเดินมองตรง มือส่ายเล็กน้อย ก้นย้อยพองาม (ย้ำว่าย้อย มิใช่ย้วย) แววตามีจุดมุ่งหมายไม่เลื่อนลอย หากมีของหยิบจับถือมาด้วย ให้ฝึกลงน้ำหนักตัวกับสิ่งของ ฝึกลงน้ำหนักกับท่าทางที่เดิน ฟังแล้วดูยาก แต่จริงๆไม่ยากเลย เราถืออะไรมาก็แบ่งน้ำหนักตัวส่วนหนึ่งลงสิ่งของนั้น ฝึกถือของเดินหลังตรง คือ ถ่ายเทน้ำหนักลงไปตามอวัยวะที่เคลื่อนไหว จะใส่ส้นสูงแค่ไหนไม่มีมีเดินเซค่ะ ไม่ลงน้ำหนักทั้งหมดที่ส้นเท้า ฝึกเดินให้สวยต้องฝึกรายตัวค่ะ บางคนฝึกนานหลายเดือน หลังฝึกท่าเดินเปลี่ยนเป็นคนใหม่แบบน่ามองเชียวคุณ 
          ผู้ชายฝึกง่าย ยกเว้นผู้ชายที่ผอมมาก อ้วนมาก หรือเดินหลังค่อมมานานมากๆ หลายปี ต้องปรับท่าเดินใหม่หมด การปรับแก้ไขนี้ไม่ยากค่ะ แต่ต้องหาสาเหตุและค่อยปรับกันไป 
          นึกถึงท่าเดินการทรงตัวนกเพนกวิน ทำไมเพนกวินเดินตัวเอียง ตัวตรง แต่ละพื้นที่ต่างกัน เมื่อเดินบนบกพื้นทั่วไป จะสังเกตเห็นเพนกวินเดินตัวตรง แต่จะเดินอย่างช้า ๆเพื่อควบคุมการทรงตัว น้ำหนักตัว ลงปลายเท้า แต่ถ้าเดินในที่หนาวเย็น บนพื้นน้ำแข็ง พื้นหิมะ นกเพนกวินจะเดินเอนตัวมาข้างหน้า บางครั้ง เพนกวินมีวิธีการเคลื่อนที่ที่เร็วมากเพื่อปรับสภาวะ ความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อม นั่นคือ การไถลตัวไปตามทางลาดชันหรือพื้นที่ลื่นเป็นน้ำแข็ง อย่างเร็ว 
          ถ้าฝึกการเดินเองที่บ้าน แนะนำให้ทำทุกวันค่ะ ก่อนนอนวันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ฝึกนำหนังสือปกแข็งพอควร จำนวนมากกว่า 2 เล่ม ( น้ำหนัก 3 ขีด - ครึ่งกิโลกรัม ) วางไว้เหนือศีรษะ ฝึกเดินไป เดินกลับ เดินขึ้นลงบันได ฝึกเดินถือของขณะมีหนังสือบนศีรษะ เดินด้วยพูดด้วย(หมายถึงสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ตรงนั้นค่ะ) ฝึกทุกวันๆ ทำแบบนี้ให้ครบแต่ละเดือน และลองสังเกต จดบันทึกการเปลี่ยนแปลงท่าเดินตนเอง ลองเดิน มองหน้ากระจกบานใหญ่ จะพบว่าคุณเดินสวย ดูดี สง่างาม ได้เองโดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมก็ปัง!!! ถ้าเดินไม่ดี แต่หน้าตาดีก็พังค่ะ หน้าไม่ช่วยอะไรแน่ มีนางงามระดับโลกคนไหน หน้าตาดี เดินขี้เหร่บ้าง !! 
          ๐ ปรับเปลี่ยนเสียงพูด 
          เสียงพูดสำคัญสำหรับทุกหน้าที่งาน ฝึกพูดด้วยประโยคที่มั่นใจ เสียงหนักแน่น ซึ่งผู้เขียนเคยลงบทความไปแล้ว ในเรื่อง “สร้างเสน่ห์จากน้ำเสียง” ครั้งก่อน ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ ระดับเสียงพูดก็สำคัญ ต้องฝึกการพูดโทนเสียง 5 ระดับ ต่ำมาก ต่ำ เสียงธรรมดา เสียงสูง เสียงสูงมาก ซึ่งการพูดให้ได้โทนเสียงที่เหมาะกับตนเอง ดูน่าเกรงขาม เป็นงานเป็นการบางคนมาจากพรสวรรค์ แต่ถ้าใครบังเอิญสวรรค์สร้างโทนเสียงจิ้งหรีด ห้าวหาญ แหบแห้งติดตัวมาแต่กำเนิด สามารถปรับโทนเสียงให้ดูน่าฟัง คมชัดดีขึ้นได้ 
          การนำเสียงแต่ละระดับ ไปใช้ในชีวิตประจำวันนั้น มีความแตกต่างกัน เพราะหากใช้โทนเสียงผิดสถานการณ์ เรื่องร้ายจะกลายเป็นรุนแรง เรื่องดีจะกลับแย่ลง 
          การฝึกพูดระดับเสียงต่างๆนี่ ต้องอาศัยการฝึกทุกวัน ฝึกพูดออกเสียง อ่านหนังสือมากๆ ใครที่มักพูดตะกุกตะกัก พูดไม่ชัด เสียงไม่สม่ำเสมอ ให้ฝึกพูดคำควบกล้ำ ฝึกพูดประโยคยาวๆ เช่น เช้าฟาดผัดฟักเย็นฟาดฟักผัด , ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็กยักษ์เล็กไล่ยักษ์ใหญ่ , กินมันติดเหงือกกินเผือกติดฟันกินทั้งมันกินทั้งเผือกติดทั้งเหงือกติดทั้งฟัน …. ลองฝึกประโยคเหล่านี้ดูนะคะ ท่องวันละ 100 รอบ ท่องไปสักเดือนหนึ่ง (100 รอบ X 30 วัน = 3,000 รอบต่อหนึ่งประโยค) รับรองพูดคล่อง ลื่นดีไม่มีสะดุด 
          สำหรับหัวหน้างานนั้น สำคัญมาก ต้องฝึกพูด ฝึกใช้เสียงสั่งงาน ฝึกการประชุมทีม เสียงนี่แหล่ะจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์แรกพบ ให้คนศรัทธายำเกรง ส่วนลูกน้องหรือพนักงานทั่วไป ควรฝึกการใช้เสียงสื่อสาร การประสานงานให้ชัดเจน มีเสน่ห์ ชวนฟัง ทำงานง่ายขึ้น 
          ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ ผู้เขียนเองก็ผ่านจุดที่ต้องฝึกอย่างหนักแบบนี้มาก่อน แรกๆรู้สึกถึงความมั่นใจ คิดว่า ดูไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้ แค่การปรับบุคลิก พูด เดิน ยืน นั่ง เราทำเป็นประจำ 
          แต่เมื่อเข้าสู่การฝึกจริงนานนับเดือน ปกติเป็นคนอดทนและถึกมาก(รู้สึกอย่างนั้น) กลับท้อแท้ ช่วงสัปดาห์แรก เพราะต้องฝึกอย่างหนัก ทำซ้ำๆ ท่าทางเดิม คำพูดเดิมแทบคอแห้ง พูด เดินวนอยู่แบบนั้น ฝึกนับไม่ถ้วนกี่หลายพันครั้ง ด้วยต้องเรียนรู้รสชาติการฝึก อีกทั้งต้องเป็นผู้ฝึกผู้อื่นต่อไป 
          ลองนำเทคนิคที่ผู้ขียนแนะนำให้ ไปฝึกกันนะคะ ลองปรับเปลี่ยนกันไป มนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลค่ะ แต่เชื่อเถอะ พรแสวงน่ะ !! บทจะดีเลิศฟ้าก็ต้านไม่อยู่…. 

วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์


E-Mail : [email protected]

วันที่ : 07 มีนาคม 2566

จำนวนผู้เข้าชม 316 คน

กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line

บทความที่เกี่ยวข้อง


บุคลิกภาพท่ายืนเดินนั่งที่สง่างาม

“อิริยาบถท่าทางที่สง่างามช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ชวนมอง ไม่ว่าท่านทำงานในตำแหน่งใด ควรได้เรียนรู้พื้นฐาน 3 เรื่องนี้ไว้ทั้งการยืน เดิน นั่ง ซึ่งเป็นบุคลิกพื้นฐานที่ฝึกฝนให้ดูดีได้ไม่ยาก ”

เทคนิคการพูดเพิ่มภาวะผู้นำ

คำพูดเป็นปราการด่านแรกแห่งความสำเร็จในอาชีพ เป็นการแสดงออกด้วยวจนภาษาดึงดูดผู้คนเข้ามาสนใจหรือผลักออกไปจากจากวงโคจรชีวิต โดยเฉพาะงานที่ให้บริการทั้งทางแบบออนไลน์ ออฟไลน์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ทักษะการพูด

AIDET สร้างภาพลักษณ์ในงานบริการ

ในงานบริการทางการแพทย์หรือสายงานด้านการให้การพยาบาล น่าจะได้ยินคำว่า “AIDET” หรืออ่านภาษาไทยว่า “เอเด็ต” มาแล้วพอควร เป็นกระบวนการสื่อสารซึ่งสร้างความพึงพอใจความเข้าใจอันดีด้วยหลัก Waiting Time

การบริการเชิงรุก (Proactive Service ) ทำอย่างไร?

การบริการเชิงรุกไม่ใช่การกระตือรือร้นการบริการหรือเสนอการบริการให้ลูกค้าก่อน แต่เป็นรูปแบบการวางระบบบริการไว้ล่วงหน้าด้วยเทคนิค “สร้าง Brand loyalty & Brand Personal” ทุกขั้นตอนตั้งแต่แรกรับ

ฝึกทักษะการนำเสนอด้วยคีย์เวิร์ด (Keyword)

ทุกงานทั้ง นำเสนอข้อมูลต่อผู้บริหาร นักเรียนนักศึกษาเสนองานหน้าชั้นเรียน Trainer สอนผู้เข้าอบรม หัวหน้างานฝึกอบรมลูกน้อง ฝ่ายขายเสนอข้อมูลสินค้า นางงามตอบคำถามในรอบห้องดำ แนะนำตัวสัมภาษณ์งาน

หกท่าภาษากายเสนองานที่มีเสน่ห์ (Presenting Body Language)

การเตรียมภาษากายจึงมีความสำคัญมาก เป็นภาพลักษณ์แรก (First Impression) ที่ผู้ร่วมสนทนา เกิดการรับฟังพบเห็นและอาจกล่าวได้ว่า ผู้ร่วมสนทนารับรู้การแสดงออกตลอดในช่วงระยะเวลาที่นำเสนอ