ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 09 ธันวาคม 2563 จำนวนผู้เข้าชม 630 คน
09 ธันวาคม 2563จำได้ว่าปีก่อน ใช้เวลาในการเดินทางและการขับรถบนท้องถนนเมืองกรุงไม่นานมาก เมื่อนโยบายรถคันแรกขับเคลื่อนออกมา รถนับหลายแสนคันที่อยู่บนท้องถนนอย่างหนาแน่น ทำให้เราทุกคนต้องบวกเวลาเพิ่มในการเดินทางอีกอย่างน้อย 1- 2 ชั่วโมง เท่ากับชาวเมืองกรุงต้องตื่นตัวและวางแผนการบริหารเวลาให้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับปัจจัยความเสี่ยง(Risk Factor)ในชีวิตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ในแต่ละวัน ไม่ใช่แค่ชีวิตบนรันเวย์ท้องถนนเท่านั้น ประชาชนตาดำๆยังต้องรองรับกับความผันแปรของเศรษฐกิจ ข้าวของเครื่องใช้ที่ราคาสูงขึ้น หยิบจับซื้อสินค้าและบริการประเภทใดเป็นต้องเสียภาษีไปเสียทุกสิ่ง ล่าสุดได้อ่านข้อความกระทู้ทางอินเตอร์เน็ตที่หลายคนนำมาวิจารณ์ถึงความเป็นจริง ความเสมอภาคและความมีเหตุผลคือมีนักวิชาการบางท่านเสนอการเก็บภาษีคนโสด คนที่ตั้งปณิธานครองชีวิตยาวนานด้วยคานทองต้องตื่นตัวเพื่อหาคู่หรืออยู่รองรับภาษีโสด หลายคนจึงมีคำถามว่านี่คือนโยบายเพิ่มประชากรหรือทำให้ประชากรรายได้ลดกันแน่ มาตรการค่าครองชีพวันละ 300 บาท ทำให้คุณภาพชีวิตแรงงานดีขึ้นแต่ไม่ต่างอะไรที่สินค้ายกระดับราคาสูงขึ้นตามไป คุณภาพชีวิตคนเมือง คนทำงานประจำ ไม่ต่างอะไรกับรอโอกาสฟ้าประทานโชค รัฐบาลหลายยุคหลายสมัยมีนโยบายแก้ปัญหาคอรัปชั่นแต่ไม่เคยแก้ได้หมด ไม่เช่นนั้นประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ดูจากประติมากรรมเสาหินโฮปเวลที่ตั้งตระหง่าน ขวางสายตาคนกรุงเทพ เพราะอะไรน่ะหรือ? จิตสำนึกของคนใช่หรือไม่?ที่ไม่รู้จักพอ ไม่มีศีลธรรมจรรยาบรรณ ข่าวการจับอดีตนักการเมืองชื่อดังหลายคนที่คดโกงประเทศมีมากมายและหลายข่าวเป็นเพียงหมายจับ เจ้าของคดีความหนีข้ามประเทศไปเสวยสุขแดนไกลแบบหายเงียบเข้ากลีบเมฆ
เมื่อหลายสิ่งในสังคมไม่ได้เอื้อประโยชน์สุขแก่พนักงานประจำ แล้วจะใช้ชีวิตแบบมีความสุขอย่างไร ?ได้อ่านปรัชญาแนวคิดของขงจื๊อตอนหนึ่งว่า “ผู้ที่ปกครองด้วยคุณธรรมอาจเสมือนดาวเหนือซึ่งไม่เคยเคลื่อนย้ายไปไหน ขณะที่ดาวทุกดวงต้องหันหน้าเข้าหา” ถ้าเปรียบกับสำนวนไทยนั่นคือ “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” เราคงไม่สามารถรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันทีจากรายได้ประจำแต่เราสามารถทำงานอย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่ได้ ทุกสิ่งอย่างนั้นอยู่ที่ “ความคิดและจิตใจ”ที่เปี่ยมด้วยด้านบวกกับชีวิต เพราะหากเราจมอยู่กับปัญหาในสังคมที่เราไม่ได้ก่อแต่เป็นปัจจัยทางสังคมที่มากระตุ้นหรือรับรู้ทางข่าวสาร ดังนั้น ความคิดทำให้คนรู้สึก ความรู้สึกทำให้คนมีการกระทำ การกระทำให้คนประสบความสำเร็จ ความสำเร็จทำให้คนมีความสุขได้
ใน 24 ชั่วโมงของการใช้ชีวิต คุณหายใจเข้าออกไปกี่ครั้ง? โดยประมาณ คำตอบคือ 43,200 ครั้ง คุณได้ใช้เวลานั้นไปเพื่อความสุข ความสำเร็จใดบ้างหรือเพื่อหายใจทิ้งไปวันๆ เมื่อได้ตั้งคำถามกับตนเองแล้วให้เร่งสปีดเพื่อพัฒนาชีวิตใน 1 วัน ได้รับรอยยิ้ม ความสุข ความสำเร็จ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราได้ทำงานที่ยากกว่าและสิ่งที่เหนือความคาดหมายได้สำเร็จ สารแห่งความสุขเอนโดรฟินจะหลั่งออกมาทำให้เรามีความสุข มีพลังพร้อมริเริ่มสร้างสิ่งดีๆให้ชีวิตต่อเนื่อง ตามสูตรของการพัฒนาศักยภาพชีวิต “555” คือ สูตรที่หนึ่ง คือ ให้ยิ้มพร้อมกับประโยคคำพูดชื่นชม ชมเชย หรือขอบคุณตนเองที่สร้างรอยยิ้มทุกวันก่อนออกจากบ้าน วันละ 5 คำ เช่น ทำไมเราเท่จัง วันนี้เราสวยนะ ชุดนี้เธอสวยจัง เป็นต้น สูตรที่สองคือ กิจกรรมใน 1 วัน นอกเหนือจากงานประจำ เราต้องสร้างสุขด้วยการพัฒนาการทำงานสมอง เพราะการทำงานของสมองคล้ายกับกล้ามเนื้อ เมื่อไรก็ตามที่ได้มีการฝึกอย่างสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อจะแข็งแรง มีพลัง สมองควรได้รับการฝึกเช่นกันเพื่อให้เกิดปัญญาในการทำงาน นั่นคือ อ่านหนังสือทุกวันวันละอย่างน้อย 5 นาที อาจเป็นหนังสือแนวสร้างสรรค์ ข่าวสาร ปรัชญา หรือสารคดีที่สนใจ หมั่นออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ 5 หมู่ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เลือกรับประทานเมนูที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงสารก่อมะเร็งและสูตรที่สาม คือ นั่งสมาธิก่อนเข้านอน วันละ 5 นาที เพื่อรวบรวมสติ สงบจิตใจ หลับอย่างมีความสุข พร้อมลุกขึ้นทำงานในวันใหม่ด้วยความสดชื่น ลองทำดูนะ!!เพื่อเพิ่มศักยภาพในตนเอง
ดังนั้น งานประจำทำให้เราประสบความสำเร็จ มีความสุข เป็นคนเก่ง คนดี มีคุณภาพได้ และพร้อมจะเติบโตในการงานหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่เราจะเลือกนำศักยภาพในตนเองออกมาให้ได้อย่างถูกต้องและนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้วหรือยัง ?
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 09 ธันวาคม 2563
จำนวนผู้เข้าชม 630 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
ประโยชน์การสื่อสารแบบ AIDET
ในช่วงที่ผู้เขียนได้ฝึกงานและทำวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้สังเกต รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมการดูแลผู้รับบริการของบุคลากรทางการแพทย์หลายกลุ่ม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงาน
วิธีปรับเงินเดือนค่าตอบแทนหลังประเมินผล KPI
หลังประเมินผลการปฏิบัติงานหรือประเมินผล KPI แล้วนำผลคะแนนที่ได้มาคำนวณเพื่อพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแก่พนักงานผู้ปฏิบัติงาน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการบริหารผลงานมีแนวทางในการปรับค่าตอบแทนหลายแบบแตกต่าง
เทคนิคการสร้างทัศนคติเชิงบวกผู้ให้บริการ
งานบริการคืองานที่ต้องพบปะกับผู้คนที่หลากหลายอารมณ์ ทั้งเข้ามาใช้บริการ ติดต่อประสานงาน ขอความช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่ ผู้ให้บริการต้องมีความสามารถควบคุมอารมณ์จัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที
กำหนด KPI ตามกรอบ BSC และMBO
การจัดทำระบบประเมินผลงานกำหนด KPI ตามกรอบ BSC หรือ MBO มีความแตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้แบบไหนเหมาะสมกว่ากัน ? ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลัก (Key Performance Indicators :KPIs) เป็นเครื่องมือ
กลยุทธ์สร้างแรงจูงใจพนักงานแบบ4S (Strategies for Motivating Employees)
นอกจากการให้สวัสดิการที่ดี การขึ้นเงินเดือนเลื่อนขั้น การมีโบนัสปลายปีอาจไม่ได้ตอบโจทย์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานสำหรับทุกคน องค์กรที่ต้องการธำรงรักษาคนเก่ง คนมีฝีมือไว้ได้ องค์กรวางกลยุทธ์
แนวคิดและเทคนิคบริหารผลการปฏิบัติงาน
การจัดทำมาตรฐานผลการปฏิบัติงานทั้งรายบุคคล หน่วยงาน แผนก และองค์กร ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในในการดำเนินธุรกิจแก่ลูกค้าคู่ค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทำให้องค์กรมีมาตรฐานน่าเชื่อถือ