ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 29 ธันวาคม 2563 จำนวนผู้เข้าชม 620 คน
29 ธันวาคม 2563“ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ คนเราต้องรู้จักมอง รู้จักคิดทุกความสำเร็จมีค่า ทุกอย่างมีวิถี มีความค่อยเป็นค่อยไป ให้มองความสำเร็จเป็นสิ่งพื้นฐานง่ายๆ อย่ามองอะไรที่ไกลตัว เพราะมันไปถึงยากแต่ให้มองอะไรที่เอื้อมถึง ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้สำเร็จทุกเรื่อง ถ้าปฏิบัติต่อชีวิตด้วยหลักการนี้ ชีวิตจะไม่กระเสือกกระสน และไม่เหนื่อยเกินไป”
ได้อ่านประโยคที่ คุณหมู อาซาว่า หรือ คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ ASAVA ให้สัมภาษณ์ไว้กับหนังสือพิมพ์มติชนฉบับเดือนพฤษภาคม 2559 รู้สึกชื่นชม ในความคิดที่ละเอียดลึกซี้ง เป็นบุคคลอีกท่านที่ประสบความสำเร็จ เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่
ก่อนหน้านี้ ผู้เขียนเคยได้รู้จักแบรนด์นี้จาก คำชื่นชมแนวเสื้อผ้า ที่เรียบหรู แต่เน้นความมีระดับ สวมใส่สบาย ของเพื่อนท่านหนึ่ง
เผอิญได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์คุณหมูจึงขอนำแนวคิดการทำงานให้ประสบความสำเร็จ มาเล่าสู่กันฟัง
เขาเป็นบุคคลอีกท่านหนึ่ง ที่มีความตั้งใจบวกกับความมานะพยายามในงานที่ตนเองรัก มีความใส่ใจทุกรายละเอียดในงาน คนและสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้คุณหมูคือดีไซเนอร์อันดับต้นของเมืองไทย มีสไตล์การออกแบบที่เรียบหรูดูดี มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนใคร
ย้อนกลับไป ในค่ำคืนแห่งเกียรติยศ เวทีนางงามระดับโลก “ชุดราตรีสีขาว” ที่น้อง แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ใส่ขึ้นเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบตัดสิน นั้นสวยสง่า เป็นที่ประทับใจทุกสายตาทั้งโลกนั้น ได้รับการออกแบบโดยแบรนด์Asavaกูรูแฟชั่นอเมริกายกย่องให้เป็นชุดที่งดงามมากที่สุดของการประกวดมิสยูนิเวิร์สปี 2015 รวมทั้งการออกแบบชุดบางกอกแอร์เวย์ ที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามและเรียบหรูในแบบอาซาว่า
เส้นทางการทำงานของอาซาว่า นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนเส้นทางบนรันเวย์ แม้คุณหมูจะเป็นลูกคนเล็กจากครอบครัวที่มีฐานะดีมากคนหนึ่ง ทางบ้านทำธุรกิจหลายด้าน จบการศึกษาปริญญาโทจากต่างประเทศ แต่เลือกสร้างธุรกิจที่ตนเองรักด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเอง เริ่มก่อตั้งธุรกิจจากมีคนทำงานแค่ 4 คนทำเสื้อผ้าวันละไม่กี่ชุด นั่งทำเสื้อผ้าในห้องเก็บของ ยอมทำงานเป็นลูกจ้างเงินเดือนไม่กี่บาทในห้องเสื้อแบรนด์ดัง ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนนานหลายปี เพื่อหาประสบการณ์ไปสู่ความสำเร็จ ในงานที่ตนเองรัก แบรนด์ ASAVAคือแบรนด์คุณภาพดีในไทย ที่หลายคนยกนิ้วให้ ASAVA เป็นแบรนด์ในใจ
เมื่อได้ฟังบทสัมภาษณ์จากปากคุณ หมู ทำให้ผู้เขียนชื่นชมความมี Passion ในตัวเขาทำให้ทุกวันนี้แบรนด์ ASAVA มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งวงการแฟชั่นไทยและต่างประเทศ
หากนึกถึงแบรนด์เสื้อผ้าระดับโลก “ZARA” ก่อตั้งเมื่อปี 1975 ที่เปิดสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในไทย จำนวนมากซึ่งมีการออกแบบที่โดดเด่น เนื้อผ้าใส่สบาย ราคาที่คุ้มค่า ทั้งชายและหญิง ซึ่งหลายท่านสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ แบบคุ้มค่า
ZARA ไม่มีโฆษณา เกลื่อนตลาดให้คุณพบเห็นในหน้าจอทีวี แต่มีแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ๆออกมาทุกสัปดาห์รูปแบบการบริหารงานแบบ vertically integrated ในการควบคุมการผลิต ตั้งแต่เริ่มการออกแบบ ช่องทางการจัดจำหน่าย และแม้จะมีการกระจายการผลิตเสื้อผ้า ตามภูมิภาคที่สำคัญ แต่สินค้าส่วนใหญ่ยังคงผลิตประเทศ สเปน ดังเดิม
ทำให้นึกถึง เส้นทางเดินผู้ก่อตั้งแบรนด์ ZARA นั่นคือ Amancio Ortega Gaona เขาเริ่มต้นทำงานด้านเสื้อผ้า ตั้งแต่ อายุ 14 ปี ด้วยการเป็นลูกจ้างในร้านเสื้อเชิ้ตเริ่มสะสมทุน เมื่อมีทุนมากพอจึงทำธุรกิจเล็กๆด้านร้านเสื้อผ้าผลิตเสื้อคลุมและชุดนอน ขายเป็นแบรนด์ของตนเอง ต่อมาพัฒนาเป็นธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ ZARA ในเมือง La Coruna และค่อยๆเพิ่มสาขาไปเรื่อยๆ
แนวเสื้อผ้าเน้นเรียบง่าย ออกแนวเท่ห์ๆมีสไตล์ ทุกรุ่นที่ผลิตมีจำนวนจำกัด เน้นราคาที่เหมาะสม ลูกค้าสามารถหาซื้อจับจ่ายได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ทุกวันนี้แบรนด์ ZARA แบรนด์สัญชาติสเปน มีสาขาหลายพันสาขาทั่วโลก
ในปี 2016 อามันซิโอ ออร์เตก้า คว้าตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 รองจาก บิล เกตส์ เจ้าพ่อแห่งไมโครซอฟต์ ซึ่งอามันซิโอ ออร์เตก้า ถือทรัพย์สินที่ประเมินค่าได้ไม่ต่ำกว่า 66.8 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท โอวพระเจ้า นั่นคือเส้นทางที่เขาเลือกเดินแล้ว
ทั้ง 2 แบรนด์ ทั้ง ZARA และ ASAVA ที่ผู้เขียนกล่าวถึงนั้น มีที่มาของการสร้างคุณค่าแบรนด์ ไม่ต่างกัน คือ คิดอย่างผู้ประสบความสำเร็จ มุ่งมั่นบนทางเดินที่เลือกแล้วอย่างจริงจัง“เลือกทำในสิ่งที่รัก มุ่งมั่นทำในสิ่งที่เลือก แบบ ไม่ปล่อยโอกาสลอยนวล”
หลักการคิดเพื่อความสำเร็จนั้น ต้องมีความมุ่งมั่นจริงจังในงานที่ทำ รักในสิ่งที่เลือก เพราะหากลงมือทำไปแล้ว เกิดปัญหาเข้ามาผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น จะ “กัดไม่ปล่อย” และยากที่จะเลิกทำ
ผู้ที่ทำธุรกิจด้วยความรักตั้งใจจริงนั้นต้องเพิ่มเรื่องความมีจริยธรรมในทุกด้าน ซึ่งหลักการมีจริยธรรม จักช่วยยึดครองตลาดแบบบริสุทธิ์ อยู่ในใจลูกค้าอย่างถาวร
เมื่อธุรกิจดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง หากเกิดปัญหาด้านทรัพยากร ทุน การผลิต สิ่งที่เข้ามาเป็นตัวเลือกในการแก้ปัญหา สังเกตพบ มักเน้นไปที่การลดต้นทุนการผลิต ปรับกลไกไปตามท้องตลาด มากกว่าวิเคราะห์คนกับงาน โดยการแก้ปัญหาต้องทำทุกด้านไปแนวทางคู่ขนานกัน
ในแง่ของการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สิ่งที่ผู้บริหารควรตระหนักและมองลึกไปให้ถึงปัญหา คือ ทุนมนุษย์ (Human Capital) ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป็นผู้ควบคุมการผลิต ใช้ทรัพยากรมนุษย์ในการขับเคลื่อนองค์กร ต้องมีกระบวนการคิดพัฒนาทุนมนุษย์ อย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดนิ่ง
ปลูกฝังจริยธรรมในงาน พร้อมสร้างคุณค่าในงานที่ทำ เป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งครองใจผู้บริโภคอุปโภคอย่างถาวร
เมื่อผู้นำองค์กรมีความมุ่งมั่นสร้างองค์กรสู่ระดับแนวหน้าธุรกิจ ควรมีโปรแกรมการสร้างวัฒนธรรมในองค์กร การสร้างความสำนึกในหน้าที่งาน คืนกำไรสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างไรให้พนักงานมีทิศทางการขับเคลื่อนไปสู่คนคุณภาพ ควบคู่องค์กรคุณภาพ
หลักการคิดเพื่อความสำเร็จของธุรกิจนั้น ต้อง “คิดแบบรู้เขา รู้เรา” ไม่ควรมองข้ามความรับผิดชอบต่อสังคม “Corporate Social Responsibility (CSR)" หรือมุ่งทำธุรกิจเพื่อยึดครองตลาดแบบผูกขาดฝ่ายเดียว อาศัยการพึ่งพากันและกัน ทุกสังคมจึงจะมีการแข่งขันและคงอยู่อย่างสงบสุข ปัจจุบัน ธุรกิจเปิดตัวมากหน้าหลายตา บางธุรกิจมุ่งเพื่อทำผลกำไรแบบไม่ลืมหูลืมตา หลงลืมการคืนคุณค่าสู่สังคม ที่เป็นแหล่งก่อร่างสร้างทำเลทอง คนท้องถิ่นขาดอาชีพเพราะเส้นทางการทำงานถูกครอบครองด้วยนายทุนใหญ่ สภาวะแวดล้อมบนผืนโลกถูกทำลายไปมากเพราะความเห็นแก่ตัวจากคนบางกลุ่ม
เปลี่ยนแนวคิด “เพื่อช่วย…” ตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สาย !!!
“ทำธุรกิจแบบรวยน้ำใจ ยิ่งใหญ่และรวยยั่งยืน” คุณว่าจริงไหม?
ขอบคุณข้อมูลและภาพ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับเดือนพฤษภาคม หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับเดือนพฤษภาคม http://www.thairath.co.th/content/623654 ขอบคุณภาพจาก bornrich.com www.slimmingthai.com/view.php?id=606 |
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 29 ธันวาคม 2563
จำนวนผู้เข้าชม 620 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
วิธีปรับเงินเดือนค่าตอบแทนหลังประเมินผล KPI
หลังประเมินผลการปฏิบัติงานหรือประเมินผล KPI แล้วนำผลคะแนนที่ได้มาคำนวณเพื่อพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแก่พนักงานผู้ปฏิบัติงาน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการบริหารผลงานมีแนวทางในการปรับค่าตอบแทนหลายแบบแตกต่าง
เทคนิคการสร้างทัศนคติเชิงบวกผู้ให้บริการ
งานบริการคืองานที่ต้องพบปะกับผู้คนที่หลากหลายอารมณ์ ทั้งเข้ามาใช้บริการ ติดต่อประสานงาน ขอความช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่ ผู้ให้บริการต้องมีความสามารถควบคุมอารมณ์จัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที
กำหนด KPI ตามกรอบ BSC และMBO
การจัดทำระบบประเมินผลงานกำหนด KPI ตามกรอบ BSC หรือ MBO มีความแตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้แบบไหนเหมาะสมกว่ากัน ? ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลัก (Key Performance Indicators :KPIs) เป็นเครื่องมือ
กลยุทธ์สร้างแรงจูงใจพนักงานแบบ4S (Strategies for Motivating Employees)
นอกจากการให้สวัสดิการที่ดี การขึ้นเงินเดือนเลื่อนขั้น การมีโบนัสปลายปีอาจไม่ได้ตอบโจทย์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานสำหรับทุกคน องค์กรที่ต้องการธำรงรักษาคนเก่ง คนมีฝีมือไว้ได้ องค์กรวางกลยุทธ์
แนวคิดและเทคนิคบริหารผลการปฏิบัติงาน
การจัดทำมาตรฐานผลการปฏิบัติงานทั้งรายบุคคล หน่วยงาน แผนก และองค์กร ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในในการดำเนินธุรกิจแก่ลูกค้าคู่ค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทำให้องค์กรมีมาตรฐานน่าเชื่อถือ
วิธีทำ OKRs Coaching
การจัดทำระบบบริหารผลงานอย่างต่อเนื่องแบบ Objectives and Key Results (OKRs)ให้สำเร็จขึ้นอยู่กับการวางแผนดำเนินงาน Action Plan แต่ละไตรมาส ในการกำหนดวัตถุประสงค์ (Objectives) หรือค่าเป้าหมายที่ตั้ง