ผู้เขียน : อาจารย์ วีย์รฎา กวิณรวีบริรักษ์ วันที่ : 31 พฤษภาคม 2567 จำนวนผู้เข้าชม 8850 คน
31 พฤษภาคม 2567ผู้เขียนขอหยิบยกตัวอย่างการกำหนดตัวชี้วัดKPIจากโครงสร้างองค์กร เพื่อเป็นแนวทางการทำ Dictionary Index 2 ตำแหน่งงาน ในระดับบริหารจัดการ คือ
1. ผู้จัดการแผนกโปรเจค (Project Department Manager)
2. ผู้จัดการแผนกขาย (Sales Department Manager)
ทั้ง 2 ตำแหน่งนี้มีใบ JD (Job Description)หน้าที่งานหลักโดยทั่วไป คือ
1) วางแผนการใช้งบประมาณของแผนกให้อยู่ในเกณฑ์แต่ละปีตามตัวเลขที่บัญชีกำหนดร่วมกับฝ่ายบริหาร
2) ควบคุมทุกขั้นตอน ทุกกระบวนการทำงานในแผนก ให้เป็นไปตามนโยบายการบริหารงานของบริษัท
3) ตรวจสอบความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความรวดเร็วทุกกระบวนการทำงาน ไม่เกิดข้อผิดพลาด
4) ให้คำปรึกษาและติดตามผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงานตามระบบงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ตัวอย่าง KPI
(อย่างง่าย) ทั้ง 2 ตำแหน่ง
แผนก | ตำแหน่ง | ตัวชี้วัด KPI ตามหลัก BSC | สูตรที่ใช้ | Baseline |
---|---|---|---|---|
Project | Department Manager | 1.%การควบคุมงบประมาณในฝ่ายเป็นไปตามแผน | งบที่ทำได้จริง X 100 งบทั้งหมด | บัญชี |
2. % การส่งมอบงานทันเวลาตามใบสัญญา | ทุกโปรเจคที่ทำได้ X 100 โปรเจคงานทั้งหมด | Program Project | ||
3. ระดับความสำเร็จการติดตามทุกโปรเจค | ระดับความสำเร็จที่ทำได้จริง (แบ่ง 5 ระดับ) | Master P. - Project | ||
4. %ข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานทั้งหมดในฝ่าย (มีผลต่อการซื้อเพิ่ม ทั้งวัสดุหรืออุปกรณ์ การเพิ่มวันทำงาน) | จน.โปรเจคที่ผิดพลาด X 100 จำนวนโปรเจคงานทั้งหมด | จัดซื้อ & บุคคล | ||
--------------------------------------------------- | ||||
Sales | Department Manager | 5.%การควบคุมงบประมาณในฝ่ายเป็นไปตามแผน | งบที่ทำได้จริง X 100 งบทั้งหมด | บัญชี |
6.%รายได้รวมฝ่ายเทียบปีที่ผ่านมา | รายได้รวมจริงในปีนี้ X 100 รายได้รวมปีที่แล้ว | บัญชีรายได้ | ||
7.%ความสำเร็จติดตามการวางมัดจำลูกค้าทุกรายทันตามกำหนด | จน.ลูกค้าติดตามได้จริง X 100 จน.ลูกค้ารับใบข้อเสนอทั้งหมด | บัญชีรายได้ | ||
8. %การ visit ลูกค้ากลุ่ม Key Business | จน.Visit จริง X 100 จน.ลูกค้ากลุ่ม Key Business | Master P. - Project |
ซึ่งจากตัวอย่าง 2 ตำแหน่งงานด้านบนนี้ ในผังโครงสร้างองค์กร (Organization Chart) ระดับผู้จัดการแผนกอยู่ในระดับสูงสุดรองลงมาจาก CEO
โดยแบ่งระดับตามตำแหน่งงาน (Level) ทั้งหมดเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม | ตำแหน่ง | ระดับ |
---|---|---|
ระดับบริหารสูงสุด | CEO | Supreme |
ระดับบริหารจัดการ | Manager - Executive Manager | M1-M3 |
ระดับหัวหน้างาน | Senior - Supervisor | S5-S7 |
ระดับปฏิบัติงาน | Staff | S1-S4 |
ระดับบริการทั่วไป | Trainee – Practice | L1-L2 |
แบ่งเป็น 5 กลุ่มการปฏิบัติงาน |
จากข้อมูลตารางระดับ (Level) ทั้ง 2 ตำแหน่งนี้ อยู่ในระดับบริหารจัดการ โดยมีหน้าที่สูงสุดในแผนก รับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยในแผนกทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและความรับผิดชอบในแผนกทั้งหมด ดังนั้น เมื่อมีการวัดประเมินผลในแง่ของงบประมาณใช้จ่ายในแผนก ความถูกต้อง ความผิดพลาดทั้งหมดของลูกน้อง ถือเป็นตัวชี้วัดที่ผู้จัดการนำมาเป็นตัวชี้วัดตนเองในการบริหารจัดการบุคลากรภายในแผนกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้กำหนด KP Iให้กลุ่มระดับบริหารจัดการต้องเป็นผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่ากลุ่มนี้นั้นเอง ไม่ใช่กำหนดกันเองตามความพึงพอใจ
ดังนั้น การวัดผลการบริหารจัดการของระดับบริหารวัดแบบ BSC มองทั้ง 4 มิติคือ
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของผู้บริหารแต่ละแผนกในหน้าที่งานที่แตกต่างกันไป
ส่วนระดับพนักงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีตัวชี้วัด KPIs ตามใบกำหนดหน้าที่งานของตนเองหรือมีตัวชี้วัดร่วม (CPI) ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันในแผนกอื่นๆ บางที่เรียก Joint KPI
ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลัก KPI (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ (Outcome) จากการปฏิบัติงานของหน่วยงาน แผนกงานและบุคลากรผู้รับผิดชอบรายบุคคล โดยผ่านกระบวนการเก็บข้อมูลสถิติอย่างเป็นรูปธรรม (Intangible) และเชื่อถือได้ หากพิจารณานำผลสรุปที่เกิดขึ้นปลายปีมาจัดแบ่งระดับความสามารถตามผลงาน (Productivity) และนำช่องว่างความสามารถ (GAP) ที่แตกต่างต่อยอดคนเก่ง พัฒนาคุณลักษณะคนอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์
ระบบประเมินผล KPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ (Action Plan) ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ มอบหมายผู้รับผิดชอบหลักที่ชัดเจน หัวหน้าทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน สำคัญที่สุดคือหัวหน้าทุกคนในองค์กรมองเห็นจุดหมายในทิศทางเดียวกันกับ CEO
จากการทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษา (Consultant) ด้านระบบการประเมินผลในองค์กรที่ผ่านมา เห็นหลายมิติในแต่ละองค์กรที่จัดจ้างเฉพาะให้ที่ปรึกษาช่วยอบรมและจัดเตรียมเฉพาะข้อมูล KPI(Prepare-KPI) เพื่อให้บุคลากรในองค์กรนำไปวางแผนดำเนินการ (Action Plan) ต่อเนื่องเอง การจัดทำระยะอื่นๆด้วยตนเอง ซึ่งมีข้อดีตรงที่ช่วยประหยัดงบประมาณในการว่าจ้างที่ปรึกษาในขั้น Action Plan & Monitoring ตลอดปี แต่หลายองค์กรพบว่าเมื่อที่ปรึกษาจัดเตรียมข้อมูลให้ดำเนินการต่อเอง กลับเกิดปัญหาภาวะคอขวด กระจุกข้อมูลทุกสิ่งอยู่ที่ผู้รับผิดชอบ ไม่มีการกระจายงาน การมอบหมายงานต่อ อันด้วยสาเหตุหลายประเด็น เช่น
เป็นต้น…
การจัดทำ KPIในองค์กรไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยากยิ่งกว่าคือผู้รับผิดชอบขับเคลื่อนKPIในองค์กรให้เกิดการใช้จริงเพื่อการพัฒนาต่อยอด ในการมอบหมายผู้รับผิดชอบดูแลจัดทำ KPI ผู้บริหารจำเป็นต้องเลือกบุคคลภายในที่มีความอาวุโสทางความรู้ เข้าใจหน้าที่งานจริงทุกตำแหน่ง ขยันเรียนรู้ ยืดหยุ่น แก้ปัญหาเป็น และมีภาวะผู้นำที่ดีเลิศเข้ามาทำหน้าที่นี้
ระบบประเมินผลจะสำเร็จเป็นไปตามเป้าประสงค์แน่นอนค่ะ …
E-Mail : [email protected]
วันที่ : 31 พฤษภาคม 2567
จำนวนผู้เข้าชม 8850 คน
กรุณากดถูกใจ และ เพิ่มเพื่อน Line
กำหนดตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD
ธุรกิจหรือกิจการ SME ขนาดเล็กไม่มีการจัดทำใบกำหนดหน้าที่งาน อาจไม่สะดวกใช้การ ประเมินผลแบบ BSC เทคนิคง่ายๆ ในการกำหนดตัวชี้วัดผล สำหรับผู้จัดทำ KPI มือใหม่ กำหนด ตัวชี้วัด KPI แบบไม่มี JD ทำอย่างไร ?
Feedback 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาตัวชี้วัด KPI
คุณสมบัติหัวหน้างานที่ดีไม่เพียงแต่จะบริหารทีมงานได้เท่านั้น การให้ฟีดแบ็ก (Feedback) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทีมงาน สร้างคนเก่งในองค์กร (Talent people) ลดอัตราการลาออก (Turnover rate)
อบรม ESB & AIDET Plus แก้ปัญหาการบริการและการสื่อสาร ?
อบรมพฤติกรรมบริการ (ESB) ไปแล้ว การเรียนรู้หลักสูตรเรื่อง AIDET Communications จำเป็นหรือไม่ ? AIDET เนื้อหาการเรียนรู้เรื่องอะไร ? นี่คือคำถามที่ผู้จัดอบรมในคลินิก และโรงพยาบาลหลายแห่ง
ตัวอย่างตัวชี้วัด KPI ตามตำแหน่ง & ปัญหาระยะ Action Plan
ระบบประเมินผล KPI ช่วยทำให้องค์กรคัดเลือกคนเก่งโดยอัตโนมัติ คุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบและเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขัน หากวางระบบการดำเนินการ(Action Plan)ที่ดี ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ
ประโยชน์การสื่อสารแบบ AIDET
ในช่วงที่ผู้เขียนได้ฝึกงานและทำวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้สังเกต รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมการดูแลผู้รับบริการของบุคลากรทางการแพทย์หลายกลุ่ม ทั้งการปฏิสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงาน
เทคนิคการพูดเพิ่มภาวะผู้นำ
คำพูดเป็นปราการด่านแรกแห่งความสำเร็จในอาชีพ เป็นการแสดงออกด้วยวจนภาษาดึงดูดผู้คนเข้ามาสนใจหรือผลักออกไปจากจากวงโคจรชีวิต โดยเฉพาะงานที่ให้บริการทั้งทางแบบออนไลน์ ออฟไลน์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ทักษะการพูด